พระไพศาล วิสาโล
าพเจ้ารู้จักกับท่านสุทัศน์มาแต่ครั้งท่านยังเป็นสามเณร ดูเหมือนเราจะพบกันครั้งแรกที่ห้องสมุดวัดทองนพคุณราวๆ ปี ๒๕๒๗ ตอนนั้นคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศพพ.) จัดงานอบรมให้แก่สามเณรจากหัวเมือง เพื่อเป็นธรรมทายาทที่ดีของพระศาสนา ข้าพเจ้าซึ่งตอนนั้นยังเป็นพระแค่พรรษาเดียว ได้รับนิมนต์ให้ไปคุยกับกลุ่มสามเณรในเรื่องเกี่ยวกับสังคมและพระศาสนา สามเณรสุทัศน์ดูจะเด่นกว่าใครตรงที่กล้าถามและกล้าออกความคิดเห็น อีกทั้งยังมีความสนใจในปัญหาของบ้านเมือง
เมื่อท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว เราทั้งสองได้มีโอกาสพบปะเป็นครั้งคราวในการประชุมสัมมนา ซึ่งส่วนใหญ่จัดโดย ศพพ. จนกระทั่งเกิดมีกลุ่มเสขิยธรรมขึ้นมาในปี ๒๕๓๓ กลุ่มเสขิยธรรมตอนนั้นมีการประสานร่วมมือ ระหว่าง พระผู้ใหญ่กับพระหนุ่ม อย่างค่อนข้างต่อเนื่อง แม้จะมีการประชุมใหญ่เพียงปีละครั้ง แต่ก็มีกิจกรรมเฉพาะกิจอยู่สม่ำเสมอซึ่งเป็นโอกาสให้พระสงฆ์ทั้ง ๒ รุ่นได้มาพบปะกัน กิจกรรมในช่วงนั้นจะเน้นหนักด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุรักษ์ป่า ระยะนั้นหลวงพ่อประจักษ์กำลังมีบทบาทโดดเด่นในการปกป้องป่าดงใหญ่ พวกเราในกลุ่มเสขิยธรรมได้ไปเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือท่านเป็นระยะๆ โดยมีการบวชต้นไม้ที่นั่นด้วย นอกจากนั้นยังมีการบวชต้นไม้เพื่อปกป้องป่าแก่งกรุง (สุราษฎร์ธานี) ให้พ้นจากโครงการสร้างเขื่อนที่รัฐบาลพยายามผลักดัน
นอกจากการปกป้องป่าแล้ว กลุ่มเสขิยธรรมยังมีการจัดอบรมสัมมนาในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าสิ่งแวดล้อม ปัญหาคณะสงฆ์ และสมาธิภาวน ท่านสุทัศน์มักจะมาร่วมกิจกรรมเหล่านี้อยู่เสมอ จนคุ้นเคยกันดีกับพระหนุ่มทั้งหลายในกลุ่มเสขิยธรรม เวลาพบท่านทีไร ข้าพเจ้ามักถือโอกาสขอยืมนิตยสารรายสัปดาห์จากท่าน เพราะท่านมักซื้อนิตยสารเหล่านี้ติดย่ามเป็นประจำ
ท่านสุทัศน์เป็นนักอ่าน มีฉันทะในเรื่องหนังสือหนังหามาก อีกทั้งยังสนใจในการขีดเขียนด้วย
นับว่าแตกต่างจากพระทั่วไป อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ติดตามร่วมกิจกรรมของกลุ่มเสขิยธรรมมาหลายปี ในที่สุดท่านได้ตกลงใจที่จะปักหลักทำงานด้านการศึกษา ที่แม่แจ่ม อันเป็นบ้านเกิดของท่าน ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้งโรงเรียนสามเณรขึ้น โดยตั้งใจฝึกธรรมทายาทจากเด็กท้องถิ่นขึ้นมา หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้เด็กชนบทมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น แม้จะสึกหาลาเพศออกไป ก็จะเป็นกำลังสำคัญให้แก่บ้านเกิดของตนได้
ท่านสุทัศน์ได้ทุ่มเทให้แก่โรงเรียนสามเณรมาก เพราะเป็นงานที่ทั้งใหญ่และยากสำหรับพระหนุ่ม ไหนจะต้องคิดเรื่องหลักสูตรเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สามเณรจริงๆ ไหนจะต้องบริหารและสอนหนังสือ ยิ่งต้องหาทุนรอนเองด้วยแล้ว งานการจึงรัดตัวท่านจนเหินห่างจากกิจกรรมของกลุ่มเสขิยธรรมไปเลย เกือบ ๑๐ ปีหลังข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยได้พบท่านในงานประชุมสัมมนา หรือการฝึกอบรมของกลุ่มเสขิยธรรมเท่าใดนัก ยกเว้นเวลาข้าพเจ้ามีกิจธุระที่เชียงใหม่ อย่างไรก็ตามกับพระรูปอื่นๆ ในกลุ่มเสขิยธรรมท่านสุทัศน์ก็ยังมีการติดต่อหรือไปมาหาสู่กันอยู่พอสมควร
กล่าวได้ว่าท่านสุทัศน์เป็นหนึ่งในจำนวนพระหนุ่มไม่กี่รูป ที่มีการติดต่อสัมพันธ์กับพวกเรา ในแวดวงพระนักพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๒๐ ปี ในขณะที่พระเสขิยธรรมรุ่นแรกๆ ได้เหินห่างไปเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพระระดับมหาเถระ นอกจากนั้นในบรรดาพระเสขิยธรรมรุ่นปัจจุบัน ท่านสุทัศน์เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่รูปที่มีงานในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมิได้จำกัดอยู่กับโรงเรียนสามเณรเท่านั้น หากยังมีงานพัฒนาชุมชนและงานด้านอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม ดังมีจิตรกรรมฝาผนังวัดป่าแดดเป็นพยาน และถ้าเทียบกับพระหัวเมืองทั้งหลายแล้ว ท่านสุทัศน์นับว่าโดดเด่น เพราะนอกจากจะเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาและรู้เท่าทันสังคมแล้ว ท่านยังอุทิศตัวให้กับพระศาสนาและชุมชน อย่างไม่คิดจะเอาดีในทางลาภสักการะหรือสมณศักดิ์
ดูเหมือนข้าพเจ้าจะพบกับท่านสุทัศน์เป็นครั้งสุดท้ายที่วัดสวนดอกเมื่อ ๒ ปีก่อน ท่านมาร่วมให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่องานวิจัยของข้าพเจ้าเรื่อง พุทธศาสนาไทยในอนาคต เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับท่านอีกทีก็กลายเป็นข่าวร้ายไปเสียแล้ว
ท่านสุทัศน์จากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน ยากที่จะทำใจตั้งรับได้ทัน เพราะท่านยังหนุ่ม ไม่น่ามีโรคาพาธใดๆ มาพรากท่านไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แต่ความตายมักจู่โจมอย่างที่เราคาดไม่ถึงเสมอ การมรณภาพของท่านสุทัศน์เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนเราอย่างชัดเจนว่า ความตายนั้นสามารถมาถึงตัวเราได้ทุกเวลา ไม่เลือกวันและวัย จึงไม่ควรที่เราจะประมาท หากจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ถ้ายังไม่พร้อม ก็ควรเร่งทำสิ่งสำคัญในชีวิตเป็นอันดับแรกๆ ก่อน ไม่พึงผัดผ่อนหรือปล่อยเวลาให้หมดเปลืองไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งให้ความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
การจากไปของท่านสุทัศน์ เป็นความสูญเสียอย่างสำคัญสำหรับแวดวงที่ท่านเกี่ยวข้องด้วย คณะสงฆ์วัดป่าแดดได้สูญเสียภิกษุที่เป็นกำลังสำคัญในทุกๆ ด้าน ชาวบ้านป่าแดดได้สูญเสียผู้นำทางสติปัญญาซึ่งอุทิศตนอย่างแข็งขันเพื่อบ้านเกิด เช่นเดียวกับที่กลุ่มเสขิยธรรมได้สูญเสียมิตรผู้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานร่วม ๒ ทศวรรษ แต่ไม่ว่าการสูญเสียครั้งนี้จะใหญ่หลวงเพียงใด ไม่มีอะไรดีกว่าการสานต่องานและความใฝ่ฝันของท่านสุทัศน์ต่อไป ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ท่านสุทัศน์จะยังอยู่กับเราตลอดไป ..