มีคนเอาบทความ เปลือยวัดทองนพคุณ โม่ง ฮุบเงินมูลนิธิพระเณร จาก นิตยสาร ธงธรรม ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ มาให้ข้าพเจ้าอ่าน และบอกมาด้วยว่าในวงการพระผู้ใหญ่นั้นพากันหวั่นไหวไปกับกรณีที่เอ่ยไว้ในข้อเขียนชิ้นนี้ ซึ่งข้าพเจ้าพอจะเข้าใจได้ เพราะการเสนอเรื่องราวแบบน้ำเน่า อันเป็นวิธีของนักหนังสือพิมพ์ที่ปราศจากจรรยาบรรณนั้นแพร่หลายทั่วไป และผู้อ่านซึ่งควรจะมีวิจารณญาณ ก็ตกเป็นเป้าของอันธพาลทางสื่อสารมวลชนเช่นนี้กันได้ง่าย ๆ ถ้าพระผู้ใหญ่ทรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม อย่างน้อย น่าจะพิจารณาตามแนวทางแห่งพระธรรม ในกาลามสูตรนั้น พระศาสดาตรัสแนะไว้ ไม่ให้เชื่อแม้คัมภีร์หรือถ้อยคำของครูอาจารย์ ควรที่จะสำรวจตรวจดูให้แน่ชัดเสียก่อน ก็กรณีที่ว่านี้ ถ้าพระเถระผู้ใหญ่สนใจจริง ๆ ก็น่าเผดียงเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณมาไต่ถามให้ความเป็นกัลยาณมิตรกับท่าน แล้วตรวจดูความผิดถูก ถ้าผิดถึงขั้นอุกฤษฏ์ ก็ควรให้สึกหาลาเพศไป ถ้าผิดไม่ถึงขั้นนั้น ก็ควรตักเตือนหรือช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามสมควร นี่ได้แต่ไม่พอใจกันอย่างซุบซิบ หาไม่ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่ให้ความสนใจ หรือลงโทษอย่างไม่ยอมรับรู้อะไร ๆ เป็นอันว่าเชื่อตามคำกล่าวหา หรือคำนินทาลอย ๆ อย่างง่าย ๆ ส่วนกรณีที่เลวร้ายกว่านี้ยิ่งนัก กลับไม่มีการกล่าวถึง เช่นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น สมเด็จพระสังฆราชรับสั่งออกมาชัดเจนเลยว่าขาดความเป็นพระแล้ว ด้วยการยักยอกเงินวัดมาเป็นของส่วนตัว โดยไม่ต้องเอ่ยถึงการอวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตนก็ยังได้ แต่แล้วสมีรูปนี้ก็ยังได้รับการปกป้องและยกย่องอยู่ในหมู่พระผู้ใหญ่จำนวนมิใช่น้อย สมีอีกตนที่ถูกฟ้องว่ายักยอกเงิน เรื่องการทำคอนโดหลอกลวงญาติโยม ศาลตัดสินแล้วว่าโกงเขาจริง หากศาลฎีกาถือว่าทางเทคนิคของกฎหมายยกโทษให้จำเลย แล้วนั่นไม่เป็นปาราชิกหรือ หรือพระราชาคณะที่ถูกฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จนศาลตัดสินแล้วว่าผิดจริง แต่เห็นแก่ผ้ากาสาวพัสตร์ ให้รอลงอาญาไว้ แต่ในทางพระวินัย เจ้ากูรูปนี้ยังเป็นบรรพชิตอยู่ละหรือ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งสมณศักดิ์และดำรงตำแหน่งในทางพระสังฆาธิการดังเดิม ฯลฯ ที่ว่ามานี้ พระผู้ใหญ่มีทีท่าว่าอย่างไร ทั้งนี้ไม่รวมถึงการประกาศตนเป็นพระอรหันต์ของพระผู้ซึ่งรวบรวมเงินทองเป็นจำนวนมากจากคนยากจน โดยอาศัยองคาพยพของรัฐ เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เงินเป็นจำนวนมหาศาล ยังพระอาจารย์บุนนาค ผู้แต่งเรื่องเที่ยวกรรมฐานนั้น ก็รู้กันทั่วไปว่าเธอต้องปฐมปาราชิก แต่แล้วมหามกุฏราชวิทยาลัย ก็เอาหนังสือของเธอมาใช้เป็นแบบเรียนและยกย่องผู้แต่งดังกับว่าเป็นพระผู้บริสุทธิ์ แล้วนี่ไม่เป็นการบิดเบือนดอกหรือ
พระศาสนาจะตั้งมั่นอยู่ได้ ต้องปราศจากการบิดเบือน ดังผู้เขียนบทความเรื่อง เปลือยวัดทองนพคุณ โม่ง ฮุบเงินมูลนิธิพระเณร นี้ ใช้เลศในการเขียนอย่างบิดเบือนให้เห็นได้อย่างเด่นชัด
ประเด็นของเรื่องนี้มีอยู่ว่า เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณใช้เงินผิดประเภท โดยเอาเงินของมูลนิธิพระปริยัติธรรม มาใช้สำรองจ่ายในการดำเนินการก่อสร้างกุฏิภายในคณะ ๑๒ ที่ยังก่อสร้างค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ พร้อมกันนี้ก็ได้ใช้ในการบูรณะซ่อมแซมเสนาสนะภายในวัดทองนพคุณ ซึ่งท่านก็ยอมรับ และคณะกรรมการก็รับรู้ (ข้าพเจ้าเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วย) โดยมีเอกสารรับรู้เรื่องดังกล่าวนั้นอยู่ ซึ่งท่านก็ยินดีใช้คืนเท่าที่จะทำได้
ในกรณีของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านเป็นหลวงตาที่น่ารักและใจดี ซึ่งมีความสำคัญอย่างใกล้ชิดกับวัดทองนพคุณมาแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์ที่เพิ่งล่วงลับไปแล้ว เพราะเป็นชาวด่านขุนทดด้วยกัน และเกื้อกูลกันมาโดยตลอด แม้เจ้าอาวาสองค์นั้นล่วงลับไปแล้ว หลวงพ่อคูณก็เอ็นดูเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันด้วยการอาราธนาไปเทศน์ที่ด่านขุนทด ๒ ปีติดต่อกันแล้ว ยิ่งรู้ว่าเจ้าอาวาสรูปนี้มีภาระดังกล่าวที่ต้องใช้เงินคืนแก่มูลนิธิด้วยแล้ว ในปีนี้ ท่านได้ถวายเงินติดกัณฑ์เทศน์เป็นจำนวนเงินถึง ๕ แสนเลยทีเดียว เพื่อช่วยปลดเปลื้องภาระดังกล่าว
เผอิญมีศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งคิดทำรูปเหมือนของท่าน ให้หันหน้าได้ เท่าที่มองดูรูปท่าน ข้าพเจ้าจึงแนะนำให้เขาไปขออนุญาตท่านด้วยการนำของเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เพื่อทำรูปดังกล่าวออกจำหน่าย เอาเงินมาใช้คืนแก่มูลนิธิให้หมดไป หลวงพ่อคูณอนุญาตอย่างเต็มใจ และไปร่วมพิธีปลุกเสกตามแบบของท่านที่วัดทองนพคุณเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๔๖
มีคนมาขอเงินเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เพื่อเอาไปลงโฆษณา ในนิตยสารของเขา หากได้รับการปฏิเสธ จึงเขียนเรื่องว่าร้ายนานาประการ
ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับการสร้างวัตถุมงคล เพื่อเอาเงินมาสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ และการสร้างรูปคราวนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้ไปร่วมงานด้วย ข้าพเจ้าให้เจ้าอาวาสรับผิดชอบเอง อย่างน้อยนี่ก็ไม่ได้เป็นการสร้างพระพุทธรูป แม้จะไม่ใช่กิจอันข้าพเจ้าสรรเสริญ แต่ข้าพเจ้าก็เห็นใจว่าเป็นการปลดเปลื้องภาระดังกล่าวนั้นไปได้ทางหนึ่ง
ถ้าคนเขียนบทความนี้มีความบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่ถามข้าพเจ้าหรือถามเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ ทุกเรื่องทุกกรณีย่อมมีอะไร ๆ ที่มองได้หลายแง่มุม ถ้านักเขียนหรือนักหนังสือพิมพ์มีจรรยาบรรณ ย่อมต้องฟังจากทุก ๆ ด้าน ก่อนแล้วจึงเขียนข้อความต่าง ๆ ออกไปอย่างไร้อคติที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากข้อเขียนชิ้นนี้เต็มไปด้วยอคติ และเอาความเท็จมาปนความจริง ปั้นแต่งให้คนเชื่อตามไปเพราะโวหารอันเป็นอันธพาล
จะขอชี้ให้เห็นเป็นข้อ ๆ ไปดังนี้
๑) กรณีที่เจ้าอาวาสวัดเศวตรฉัตรย้ายไปจากวัดทองนพคุณนั้น เจ้าอาวาสทั้งสองวัดนี้ ไม่มีอะไรขัดกันเลย ทางวัดทองถือว่าท่านอ่อนอาวุโสกว่า และเคารพยกย่องท่านที่วัดเศวตรฉัตรตลอดมา ความข้อนี้ ผู้เขียนควรถามท่านทั้งสองดูได้โดยตรง
๒) ผู้เขียนยกย่องเจ้าอาวาสวัดเศวตรฉัตรว่าได้เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ (ชั้นราช) เช่นเจ้าอาวาสวัดทอง (ซึ่งขึ้นไปเป็นชั้นเทพไม่ได้) พระธรรมโกศาจารย์ (ปั่น) วัดชลประทานรังสฤษฏ์ และพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์) วัดญาณเวศกวัน ก็ต้องถือว่าด้อยกว่าพระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์) วัดยานนาวา แต่ถ้าถามกันในวงการพระทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็คงต้องยอมรับกันได้ว่า รูปไหนน่าเคารพ น่าเลื่อมใสมากกว่ารูปไหน ไม่ว่าจะในทางศีลาจารวัตร หรือสติปัญญาความสามารถในทางประยุกต์พระธรรมวินัยให้สมสมัย
เราต้องไม่ลืมว่า ในสมัยปัจจุบัน การเลื่อนสมณศักดิ์นั้น ขึ้นอยู่กับการประจบประแจงพระผู้ใหญ่ที่กุมอำนาจไว้ไม่กี่รูป โดยผู้ที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็วเพียงใด มักเป็นไปพร้อมกับการขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมของท่านรูปนั้นด้วยเกือบจะเสมอไป โดยไม่ต้องพูดถึงการประจบสอพลอและการใช้เส้นสายต่าง ๆ ทั้งทางศาสนจักร และอาณาจักร รวมถึงราชสำนักด้วย แล้วคนที่มีสติวิจารณญาณยังหลงไปกับซากเดนศักดินาอันล้าสมัยต่าง ๆ เหล่านี้อีกหรือ การงมงายไปกับอัครฐานอันจอมปลอมที่ว่านี้นั้น จะนำเราไปถึงวาระแห่งการล่มสลายได้ง่าย ๆ เอาเลยด้วยซ้ำ
๓) ผู้เขียนพาดพิงไปถึงผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดระฆัง ว่าเจ้าอาวาสวัดทองฯ ถึงกับขึ้นมึงขึ้นกูกับท่าน เขาสอบสวนข้อเท็จจริงมาจากไหน หรือจงใจหาทางโจมตีไปยังท่านผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดระฆังอีกทางหนึ่งด้วย เป็นการตีวัวกระทบคราด โดยเขาได้ผลประโยชน์มาจากใครที่ไหนด้วยหรือไม่
ก็ท่านที่วัดระฆังนั้น แม้ท่านจะคุ้นเคยกับพระวัดทองนพคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณองค์ก่อน ซึ่งอยู่ในระดับครูอาจารย์ของเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ซึ่งอ่อนน้อมถ่อมตนกับท่านที่วัดระฆังยิ่งนัก จะพูดจาถึงขนาดขึ้นกูขึ้นมึงกันได้อย่างไร
๔) ที่อ้างว่าเจ้าอาวาสวัดทองฯ เป็นรองภาค ๑๑ พระสังฆาธิการในภาคนั้นจึงต้องบริจาคเงินบูชารูปหลวงพ่อคูณกันตาม ๆ ไปนั้น เขาเก็บข้อเท็จจริงมาจริง ๆ หรือเสกสรรปั้นแต่งขึ้น จากตัวเลขจริงนั้น พระสังฆาธิการในภาคนี้ทั้งหมดขอเช่ารูปหลวงพ่อคูณไปเพียง ๘ องค์ พระที่บริจาคเงินเพื่อการนี้ ส่วนมากเป็นพระสังฆาธิการในภาคอื่น ซึ่งเคยเป็นศิษย์มาเรียนพระปริยัติธรรมกับเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ แต่เมื่อท่านยังเป็นพระมหาสมคิด เขมจารี ป.ธ. ๙ นั้นแล้วต่างหาก
๕) เจ้าคุณสมคิดนั้น ท่านเป็นผู้ที่ศิษย์รัก ทุ่มเทในการสอนพระปริยัติธรรมอย่างไม่เห็นแก่ลาภยศ เจริญรอยตามอาจารย์ของท่าน คือ เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (กี มารชิโน) หากท่านบริหารงานไม่ทะมัดทะแมงเช่นกับท่านเจ้าคุณอาจารย์และเข้าหาพระผู้ใหญ่ไม่เป็น ผิดไปจากเจ้าอาวาสองค์ก่อนที่เพิ่งล่วงลับไป (เจ้าคุณเสรี) ทั้งในวัดสมัยนี้ พระมักแตกสามัคคีกัน มีการปล่อยข่าว ป่าวร้องในทางทำลายกัน อย่างน่าเสียดาย ที่ร้ายก็คือบางรูปพึ่งนิตยสารเป็นสื่ออีกด้วย
ถ้าคนทำหนังสือเกี่ยวกับวงการพระเข้าใจประเด็นเช่นนี้ น่าจะเขียนไปในทางที่ก่อให้เกิดสังฆสามัคคี ในทางที่อุดหนุนจุนเจือพระศาสนา อย่างน้อยก็ไม่ควรเอาความเท็จมาปนความจริง ซึ่งนับว่าน่าละอายนัก
ถ้าข้าพเจ้ายังมีความรุนแรงอยู่ดังสมัยก่อน ๆ คงแสดงโทสัคคิออกมาให้ปรากฏ และคงไม่เขียนอธิบายความมาเป็นข้อ ๆ จะถือตามคุณชายคึกฤทธิ์ ว่าหมามันอยากเยี่ยวราดเราบ้าง ก็ช่างมันเถิด แต่นี่ข้าพเจ้านึกได้ถึงถ้อยคำของท่านเกเช ลังกรี ทันปา ผู้เป็นอาจารย์เจ้าแห่งนิกายกาคัมปะของธิเบต จึงปลงตก ดังขอนำแปลคำของท่านมาลงไว้ท้ายข้อเขียนชิ้นนี้ของข้าพเจ้า
เมื่อใครก็ตาม ที่อิจฉาริษยาข้าพเจ้า ทำความเลวร้ายให้ข้าพเจ้า
ด้วยการด่าว่า บิดเบือน และอื่น ๆ
ข้าพเจ้าจะเรียนรู้ที่จะละทิ้งความเสียหาย
และขอยกชัยชนะให้แก่เขาผู้นั้น
..........
ข้าพเจ้าพยายามจะปฏิบัติตนตามพระธรรม
เพื่อไม่ให้หวั่นไหวไปกับโลกธรรมทั้งแปด
และเพื่อเข้าใจปรากฏการณ์
ทั้งหลายอันเป็นมายา
เพื่อจะได้หลุดพ้นจากการติดยึดทั้งปวง
ส.ศ.ษ.
วิสาขาปุรณมี
๒ มิถุนายน ๒๕๔๗
ผู้สนใจในข้อเท็จจริง นอกเหนือการปล่อยข่าวอย่างบิดเบือนจากนิตยสารธงธรรม (ซึ่งควรจะชื่อว่าธงอธรรม)
ควรขออ่านบันทึกการประชุมพระภิกษุสามเณรวัดทองนพคุณ เมื่อวันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๗...