๑
เดินทางยาวนาน บนถนนชีวิต
บัดนี้ ได้เวลาผ่อนพักตระหนักรู้
ทอดกายนอนแนบปฐพี
มอบความไว้วางใจแด่แผ่นดิน
หายใจเข้า…ไว้วางใจ
หายใจออก…ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมด ผ่อนคลาย
หายใจเข้า…ไว้วางใจ
หายใจออก…ทิ้งความวิตกกังวลทั้งหมด
ผ่อนคลาย…

๒
ปัจจุบันขณะคือมหัศจรรย์แห่งชีวิต
หลับตาลงเบา ๆ
รับรู้ทุกการเคลื่อนของลมหายใจ
หายใจเข้า…อิ่มเอิบ
หายใจออก…สันติ
๓
ลมหายใจของโลก คือลมหายใจเดียวกับเรา
หายใจเข้า…ลึก
หายใจออก…ยาว
หายใจเข้า…เป็นลมหายใจเดียวกับต้นหญ้าและกอบัว
หายใจออก…เป็นลมหายใจเดียวกับ ก้อนหิน ดินทราย และสายน้ำ
๔
นิมิตราวกำลังอยู่นั่งริมลำธารสายน้อย
พิจารณาความงามในระลอกคลื่น
สงบเย็นและไม่ขาดสาย
หายใจเข้า…ชื่นชมความงามสงบ
หายใจออก…รับรู้ความงามอย่างปล่อยวาง
ชื่นชม รับรู้ วางเฉย ปล่อยให้ไหลผ่านไป

๕
สายน้ำมิอาจแยกจากโลก
ลมหายใจมิอาจพรากจากร่างกายเรา
หายใจเข้า…ดำรงอยู่กับร่างกายด้วยอาทร
หายใจออก…มอบกายนี้แด่รักแท้แห่งแม่ธรณี
๖
รักแท้นั้นศักดิ์สิทธิ์
ร่างกายนั้นศักดิ์สิทธิ์
บัดนี้ ได้เวลาผ่อนพักตระหนักรู้
นำความรับรู้ทั้งหมดไปจับที่เท้าทั้งสองข้าง
ก้าวแรก ก้าวล้ม และก้าวลุก ก็สองเท้านี้
ถนอมเท้าด้วยลมหายใจอ่อนโยน
หายใจเข้า…เท้าผ่อนคลาย
หายใจออก…ผ่อนคลายเท้า

๗
ประคองการรับรู้ค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ
จากเท้า สู่น่อง หัวเข่า และต้นขา
หายใจเข้า…ผ่อนคลายตลอดช่วงขาทั้งสองข้าง
หายใจออก…แผ่รักและรอยยิ้มจากต้นขาถึงปลายเท้า
๘
หายใจเข้า…ลึก
หายใจออก…ยาว
รับรู้การดำรงอยู่ของตะโพก เชิงกราน และก้นกบ
ผ่อนคลายอวัยวะภายนอกและภายในช่องเชิงกราน
ณ จุดนี้คือรากฐานของสายธารชีวิต
“ดิน” คือธาตุกำเนิดของศูนย์พลังราก
ธาตุแข็งก่อความมั่นคงไม่คลอน
ผ่อนคลาย…และ…ตระหนักรู้
ยิ้มและน้อมรับความมั่นคงของฐานชีวิต
ยิ้มและน้อมรับความไม่เที่ยงแห่งปฐวีธาตุ
ผ่อนพัก…ยิ้ม…ปล่อยวาง
เพราะวาง…จึงไม่กลัว
ตระหนักรู้…ยิ้ม…อภัย
เพราะไม่กลัว…จึงอภัย
๙
ค่อย ๆ เลื่อนการรับรู้ขึ้นมาบริเวณท้องน้อยอย่างช้า ๆ
หายใจเข้า…เบา
หายใจออก…สบาย
ผ่อนคลายอวัยวะภายนอกและภายในบริเวณหัวเหน่า
“น้ำ” คือธาตุที่ไหลเลื่อนเคลื่อนความปรารถนาและอารมณ์
หายใจเข้า…ยิ้ม…น้อมรับทุกปรารถนา
หายใจออก…ยิ้ม…น้อมรู้ทุกอารมณ์
ยิ้มและวางใจ
อาโปธาตุเคลื่อนดุลยภาพหยินและหยาง
พอใจ…เมื่อหยินปรากฏ
ตระหนักรู้…เมื่อหยางแสดง
เพราะพอใจ…จึงสมดุล
เพราะสมดุล…จึงพบสุข
๑๐
หายใจเข้า…กระบังลมพองขึ้น
หายใจออก…หน้าท้องยุบลง
ค่อย ๆ เคลื่อนความรู้สึกขึ้นมาที่หน้าท้องอย่างช้า ๆ
ผ่อนคลายอวัยวะภายนอกและภายในบริเวณลำตัวส่วนกลาง
“ธาตุไฟ” คือแก่นก่อกัมมันตะ
อัคนีโหมเปลวอัตตา ตัวตน มีฉันและมีเธอ
ร้อนเกินไปจึงเผาไหม้และรุกราน
อบอุ่นพอประมาณ จึงปลอดภัยและเชื่อมั่น
หายใจเข้า…อบอุ่นและปลอดภัย
หายใจออก…เชื่อมั่นและสง่างาม
ยิ้มและน้อมรับ…ความเป็นฉัน
ยิ้มและน้อมรับ…ความเป็นเธอ
ผ่อนพัก…ลดตัวตน
ตระหนักรู้…ทรงพลัง

๑๑
อย่างช้า ๆ และอ่อนโยน
เลื่อนความรู้สึกขึ้นมา ณ กลางหว่างอก
รับรู้การดำรงอยู่ของอวัยวะภายนอก และภายในบริเวณหน้าอก
ผ่อนคลายและยิ้มให้กับอวัยวะเหล่านั้น อย่างอ่อนโยนรู้คุณ
ธาตุลม คือแก่นกำเนิดรัก ณ ฐานหัวใจ
ผ่อนคลาย…ธาตุลมเคลื่อนทั่วห้องหัวใจ
เบาสบาย…หัวใจอิ่มเอมไม่ติดขัด
เพราะอิ่มเอมจึงไม่เรียกร้องรักจากคนอื่น
เพราะไม่ติดขัดจึงแผ่รักได้ไพศาล
เพราะรักจึงเมตตา
เพราะเมตตาจึงกรุณา
หายใจเข้า…เมตตา
หายใจออก…กรุณา
ผ่อนพัก…ยิ้มและโอบกอดสรรพชีวิต
ตระหนักรู้…น้อมรับทุกอ้อมกอดด้วยอุเบกขา
๑๒
หายใจเข้า…เบาสบาย
หายใจออก…นิ่งสงบ
ค่อย ๆ เคลื่อนความรู้สึกจากฐานหัวใจขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ ซ้าย และ ขวา
รับรู้การดำรงและความต่อเนื่องของกระดูกทุกชิ้น
จากหัวไหล่ แขน ศอก ข้อมือ จรดปลายเล็บ
ผ่อนคลายและขอบคุณกระดูกทุกชิ้น
ผ่อนคลายและขอบคุณข้อต่อทุกข้อ
ยิ้มอ่อนโยนให้กับสองไหล่ สองแขน สองมือ และสิบนิ้ว
ยิ้ม และขอบคุณ

๑๓
นำความรักเลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ มาที่ลำคอ
รับรู้การดำรงอยู่ของอวัยวะบริเวณนี้
ผ่อนคลายอวัยวะภายนอกและภายในบริเวณลำคอ
หายใจเข้า…น้อมฟังสรรพสำเนียงจากภายนอก
หายใจออก…ได้ยินสรรพสำเนียงจากภายใน
ฐานนี้มีธาตุเสียงเป็นสื่อเชื่อมจักรวาลภายนอกกับจักรวาลใจ
ผ่อนพัก…ฉันฟังโลก
ตระหนักรู้…โลกฟังฉัน
ยิ้ม…เพราะฟังจึงเข้าใจ
ยิ้ม…เพราะเข้าใจจึงอภัย
ยิ้ม…เพราะพูดจึงปลดปล่อย
ยิ้ม…เพราะปล่อยจึงคลี่คลาย
๑๔
หายใจเข้า…ลึก
หายใจออก…ยาว
ค่อย ๆ เคลื่อนการรับรู้มาที่ใบหน้า
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อสองข้างแก้ม
ริมฝีปากบนล่างผ่อนคลาย
ยิ้มอ่อนโยนให้กับจมูก ดวงตา สองคิ้ว และสองหู
คลายคิ้วทั้งสอง ปล่อยหน้าผากให้เบาไร้น้ำหนัก
ณ จุดกลางหว่างคิ้ว คือฐานแห่งญาณหยั่งรู้
ธาตุแสง คือรัศมีเรืองรองส่องพลัง
หายใจเข้า…เรืองรอง
หายใจออก…ส่องสว่าง
ผ่อนพัก…ยิ้มให้กับดวงตาที่สาม
ตระหนักรู้…ยิ้มให้กับมายาการทั้งปวง
หายใจเข้า…สว่าง
หายใจออก…สงบ
๑๕
ผ่อนคลายหว่างคิ้วและหน้าผาก
เคลื่อนการรับรู้อย่างช้า ๆ มาที่ศรีษะ
หายใจเข้า…ผ่อนคลาย
หายใจออก…สมองเบาสบาย
จุดกลางกระหม่อมคือฐานแห่งปัญญาญาณ
ณ ที่ซึ่งดอกบัวแย้มบานไม่รู้จบ
ณ ที่ซึ่งจักรวาลทั้งหมดมาบรรจบพบ
หายใจเข้า…ดอกบัวบาน
หายใจออก…จักรวาลขยาย
ยิ้ม…ดอกบัวและจักรวาลรวมกันเป็นหนึ่ง
หายใจเข้า…ไม่มีดอกบัว
หายใจออก…ไม่มีจักวาล
ยิ้ม…มีเพียงความว่าง
ผ่อนคลาย…ว่าง
ตระหนักรู้…วาง
หายใจเข้า…ว่าง
หายใจออก…วาง .. 