เสขิยธรรม ฉบับที่ ๕๘
ส.ศิวรักษ์
เมื่อต้นปีนี้ กองบัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง และเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศ จัดสัมมนาพระวิทยากรโครงการกองทัพธรรม กองทัพไทย ต้านยาเสพติด มีพระภิกษุมาร่วมกิจกรรมกว่า ๒,๐๐๐ รูป ทั้งที่มหาวชิราลงกรณวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่บริเวณอเนกประสงค์ กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ ทางชานพระนคร โดยมีพิธีปิดรายการ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ถ้าดูเผิน ๆ นี่ก็ออกจะเป็นความร่วมมือกันของฝ่ายศาสนจักรกับอาณาจักร แต่ก็อดห่วงไม่ได้ ถึงความเป็นชาตินิยม และกองทัพนิยม จะอยู่เหนือสถานะทางสันติวรบทของพระพุทธศาสนา และเมื่อพิจารณารายละเอียดต่อไป ดูพระอาจารย์วีระพันธ์ รักขิตสีโล แห่งศูนย์พัฒนาคุณธรรม มหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย จะมีบทบาทค่อนข้างสำคัญ โดยจะถือว่านี่คือกิตติวุฑโฒองค์ใหม่ ในยุคสมัยแห่งโลกาภิวัตน์ได้หรือไม่ โดยที่องค์เก่าเคยเล่นบทบาทกับกองทัพในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์มาก่อนแล้ว ในขณะที่องค์ใหม่เป็นตัวแปรที่สำคัญของฝ่ายศาสนจักรที่จะเอาชนะยาเสพติด ซึ่งอาจร้ายแรงกว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ยังได้
นอกจากเผดียงพระภิกษุสงฆ์ตามรายการดังกล่าวแล้ว กระทรวงศึกษาธิการยังเห็นดีเห็นงามกับการประกาศอิสรภาพเอาชนะยาเสพติดในครั้งนี้อีกด้วย ดังปลัดกระทรวงดังกล่าวมีหนังสือเชิญไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ขอให้ส่งครูและนักเรียนไปร่วม
เนื่องด้วยปีการศึกษา ๒๕๔๕ หมวดวิชาสังคมศึกษา ได้จัดโครงการอบรมและปฏิบัติธรรมนักเรียน ตามวัตถุประสงค์ให้นักเรียนใช้หลักธรรมทางศาสนา ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ครู - อาจารย์ ที่ดำเนินงานได้รับแนวคิด และแนวทางปฏิบัติที่จะนำมาประยุกต์ และปรับแนวทางการดำเนินโครงการ ที่มุ่งผลที่จะให้นักเรียนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด
กระทรวงมหาดไทยให้งบประมาณในการนี้ ๑ ล้าน ๙ แสน ๕ หมื่นบาท บวกกับของกระทรวงศึกษาธิการอีก ๙ แสนบาท นอกเหนือไปจากที่หามาได้จากกองบัญชาทหารสูงสุด จากสำนักงาน ป.ป.ส. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) จากองค์การทางศาสนา วัด มูลนิธิ สมาคม ชมรม และผู้มีจิตศรัทธาอื่น ๆ
เป็นอันว่า กิจกรรมประกาศอิสรภาพ ๕ วันเต็ม ๆ (๒๔-๒๘ มีนาคม ๒๕๔๖) นี้ สิ้นเงินภาษีอากรของราษฎรและจากแหล่งอื่น ๆ ไปเท่าไหร่ และถ้าเกิดผลได้อันอัศจรรย์ ดังกับการประกาศอิสรภาพของพระนเรศวรแล้วไซร้ ก็คงจะสมควรดอกกระมัง และการประกาศอิสรภาพของพระนเรศวรนั้น ตามตำนานกล่าวว่า มีพระมหาเถระของฝ่ายรามัญร่วมเป็นสักขีพยานอยู่ด้วย แต่ทางฝ่ายพระศาสนา ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพระราชสงครามเอาเลย หากรายการนี้ กองทัพธรรม จากศูนย์พัฒนาคุณธรรม มหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย เป็นจำนวน ๒,๐๐๐ รูป (มีผู้นำของศาสนาอื่น ๆ อีก ๕๐๐) ได้เข้าไปร่วมด้วยโดยตรงและอย่างจัง ๆ โดยที่กองทัพธรรมนำหน้ากองทัพไทย หรือใช้วิธีการของกองทัพไทย เพื่อสร้างอุปนิสัยของเยาวชนไทยให้เข้มแข็งดุจทหารหาญของชาติ ใช้ระเบียบวินัยที่เข้มงวดกวดขัน โดยสำนึกบ้างไหมว่า นั่นอาจให้โทษได้ยิ่งกว่าให้คุณ
ใครที่ศึกษาเรื่อง Zen at War น่าจะทราบดีว่าพวกซามูไร ปฏิบัติเซนด้วยการนั่งสมาธิภาวนา คราวละหลาย ๆ ชั่วโมง แล้วก็เกิดมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนเพื่อตายถวายชีวิตเป็นราชพลี แด่พระจักรพรรดิ แม้ว่านั่นจะผิดศีลข้อที่ ๑ ของพระพุทธศาสนาเพียงใดก็ตาม ทั้งทหารหาญพวกนั้นยังกดขี่ข่มเหงชาวบ้านร้านตลาดของชนชาติอื่น ๆ อย่างทารุณโหดร้ายอีกด้วย นับแต่ที่พวกนี้ไปยึดครองเมืองจีนและเกาหลี ตลอดจนไต้หวัน แม้ในเมืองไทยนี้เอง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่แล้ว ทหารญี่ปุ่นก็ทำการอย่างทารุณโหดร้ายยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในสถานะที่ดีกว่า มลายู สิงคโปร์ ชะวา สุมาตรา และอินโดจีน เป็นไหน ๆ เพราะนั่นถูกญี่ปุ่นยึดครองโดยตรง
ตามรายชื่อของผู้ที่มาให้การอบรม ก็ดูจะเป็นคนสำคัญ ๆ แทบทั้งนั้น ตั้งแต่นายแพทย์ประเวศ วะสี ไปจนนายคำเดื่อง และนายชาลีฯลฯ ซึ่งเป็นผู้มีภูมิปัญญาชาบ้าน ทางด้านศาสนาก็มีอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (พระเทพโสภณ) พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ (พระพิศาลธรรมพาที) เป็นต้น แต่เท่าที่สอบถามผู้เข้าร่วม การบรรยายหาเป็นไปตามตารางที่ทำไว้ให้ปรากฏไม่
ที่ซ้ำร้ายยิ่งกว่านี้ ก็ตรงที่มีการลงโทษผู้กระทำผิดด้วยวิธีการอันรุนแรงต่าง ๆ อย่างที่ไม่เป็นไปตามแนวทางของพระศาสนาอย่างเหลือที่จะพรรณนาได้ ผู้ที่เข้าร่วมอบรมจึงเขียนมาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบดังนี้
ดินฉันขออนุญาตส่งข้อมูลเกี่ยวกับค่ายพุทธธรรม ที่จัดอบรมนักเรียนทั่วประเทศ ในส่วนที่ได้รับข้อมูลมาจากนักเรียน - ครูโรงเรียนของดิฉันเองว่า พระให้
- ครูที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนอนลงกับพื้น ให้นักเรียนเดินเหยียบ /เด็กไม่กล้าทำก็เลยมีนักเรียนขึ้นนอนทับให้เพื่อนเหยียบนักเรียนด้วยกันแทน
- มีการตักข้าวราดกับตั้งแต่ ๑๐.๓๐ น. ให้นักเรียนกินเวลา ๑๔.๐๐ น. ข้าวและกับบูดไปแล้วบางส่วน ตักข้าวและกับ ๑๖.๓๐ น. นักเรียนได้กินตอน ๒๐.๐๐ น.
- เอาข้าวและกับเหลือใส่ในถังขยะที่ใช้แล้ว (ล้างน้ำ ๑ ครั้ง) ให้ครูกิน /เมื่อครูไม่กิน ก็บังคับครูให้บอกเด็กกิน
- นักเรียนที่ทำผิด อดข้าวเย็น
- นักเรียนนอน เมื่อนักเรียนเสียงดัง นอนไม่ตรงเวลา เรียกให้มานอนรวมกันที่หอประชุม ครูก็มาทุกคน แต่พระกลับกระซิบเรียกนักเรียนหญิงให้ไปนอนที่ที่พัก ทั้ง ๆ ที่ครูอยู่ในหอประชุมทั้งหมด
- ให้เรียกนักเรียนหญิงที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย (ชุดนอน) ไปพบเพื่ออบรมในชุดที่ใส่นั้น
- โรงเรียนซื้อเทียนประมาณ ๖๐๐ แท่ง พลาสติก มาตัดเป็นสี่เหลี่ยม ปากกา กระดาษ ม้วนวิดีโอ (๕ ม้วน ใช้ ๒ ม้วน) และอุปกรณ์ต่าง ๆ อุปรกรณ์ที่ยกตัวอย่างมายังไม่ได้ใช้ ยกเว้น วิดีโอ พระเอาไปทั้งหมด แล้วไปบอกผู้อำนวยการของอีกโรงเรียนหนึ่งที่จะอบรมว่า ให้เตรียมเงินจำนวน
บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์
- ทำกิจกรรมต่าง ๆ หลายประการ นอกเหนือจากข้างบน เมื่อเสร็จสิ้นการอบรม มีนักเรียนหญิงเข้าโรงพยาบาล ๓๕ คน นักเรียนชาย ๑๗ คน และมีนักเรียนที่ต้องส่งโรงพยาบาลจังหวัดอีกด้วย เพราะหมอพบว่า ออกซิเจน ไปเลี้ยงสมองไม่พอ เกรงจะเป็นปัญหาใหญ่
ถามว่า เหตุใดต้องกดดันเด็ก ครูที่สนับสนุนบอกว่า เพื่อให้เขาสารภาพว่า เคยเสพ / ค้ายาเสพติด (หรือกำลังกระทำอยู่) / เล่นการพนัน / มีปัญหาชู้สาวฯลฯ แต่ดิฉันก็ท้วงว่า เป็นการประจานเด็ก นักเรียนคนอื่น ๆ ที่เป็นเด็กไม่มีปัญหา จะรังเกียจ จะรู้สึกไม่ดี จะไม่คบหา จะนำไปเล่าต่อ ๆ กลายเป็นตราบาป เขาก็ว่า แล้วแต่จะคิด ดิฉันไม่ทราบจะดำเนินการอย่างไร เพราะเคยเสนอในการประชุมกรรมการสถานศึกษาขึ้นพื้นฐานแล้ว คุยกับครูหลายคนก็คิดว่ากิจกรรมไม่เหมาะสม แต่ไม่มีใครดำเนินการอะไรเลย ดิฉันจึงต้องขอความกรุณาจากท่าน
ดิฉันไม่คิดว่า กิจกรรมที่เล่าให้ทราบจะเป็นมาตรฐาน ขอความกรุณาให้ท่านช่วยตรวจสอบ เพราะครูบางแห่งท้วงแล้ว พระบอกว่า สงสัยให้ไปถามปองพล (อดิเรกสาร) ดิฉันท้วงฝ่ายกิจการนักเรียนว่า กิจกรรมแรงกว่านักศึกษาวิชาทหาร ฝึกหนักขนาดไหน ก็ไม่มีเด็กป่วย / เป็นลม เขาก็บอกว่าเป็นหลักสูตรฯ กลายเป็นว่าจะทะเลาะกันจนต้องยุติ เขาท้าให้ดิฉันไปคุยกับวิทยากร ดิฉันก็แจ้งว่า พร้อมทุกเมื่อ ขณะนี้จึงใคร่ขอความกรุณาจากท่านช่วยตรวจสอบ และดำเนินการต่อด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง
ที่ว่ามานั้น เก็บความมาจากรายงานของครู ขอให้ฟังจากเยาวชน ผู้เข้าร่วม ดูบ้าง
ผมมั่นใจเลยว่า ถ้าเราลองสุ่มถามเด็กนักเรียนที่เคยไปเข้าค่ายนี้มาแล้ว คงจะมีนักเรียนน้อยมากที่จะเข้าใจหลักธรรมที่ทางวัดและพระวิทยากรสอดแทรกเข้าไป แม้แต่อาจารย์ที่ไปก็เช่นกัน การที่พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ทั้งหลายจะบรรลุธรรม คงจะต้องคิดก่อนว่า สัจธรรมในโลกนี้เป็นอย่างไร มีเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด หากบำเพ็ญเพียรอย่างเดียว คงบรรลุธรรมไม่ได้แน่
ดังนั้น ผมจึงอยากจะขอเสนอความคิดเห็นสักหน่อย ในฐานะที่เป็นนักเรียนคนหนึ่ง ผมอยากให้โรงเรียนและวัดเน้นหนักเรื่องพระธรรมอย่างเป็นระบบ มีหลักการ ลดการปฏิบัติลงแต่พอควร ให้เด็กรู้จักคิด แก้ปัญหา มิใช่แต่จะปฏิบัติอย่างเดียว หากเราบำเพ็ญเพียรอย่างเดียว จะเป็นการทรมานเด็กเป็นร้อยเป็นพันเปล่า ๆ เป็นการบั่นทอนสุขภาพเด็ก ๆ แถมยังทำให้เด็ก ๆ ห่างไกลจากพระพุทธศาสนา เข็ดขยาดวัดและพระอีกด้วย การที่เราจะเกิดปัญญาได้นั้น จะต้องมีสภาพร่างกายและจิตที่เต็มร้อย พร้อมที่จะรับรู้สิ่งต่าง ๆ ดังที่พระอินทร์มาดีดพิณสามสายให้พระพุทธเจ้า ผมจึงอยากฝากเรื่องเหล่านี้ให้คณะครูอาจารย์เก็บไปคิดให้ลึกซึ้งว่า ควรจะแก้ไขอย่างไรด้วยครับ
ข้าพเจ้ายกตัวอย่างมาขยายสู่กันฟังเพียง ๒ คน ทั้ง ๆ ที่ได้รับคำโอดครวญมามาก ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือเด็กฉลาด ๆ หลายคนที่เข้าไปร่วมรายการนี้ บอกว่าเกลียดพระ เกลียดวัด จะไม่เข้าวัดอีกต่อไป
ออกสงสัยว่า กองทัพไทยที่ทำการประกาศอิสรภาพคราวนี้ คงเป็นไปเพื่อกองทัพอธรรมเสียแหละมากกว่าอะไรอื่น ทั้ง ๆ ที่การพระศาสนาของเราก็กำลังรวนเรอยู่อย่างที่เป็นไปในบัดนี้ พูดอย่างโบราณก็ว่านั่นคือ โรคผีซ้ำ โครงการที่ว่านี้เท่ากับเป็น ด้ำพลอย คือร่วมกันถีบกระทืบลงไปยังเยาวชน โดยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตั้งแต่นักการเมือง มาจนนักการศาสนา ที่มักอ้างว่าตัวเองเก่ง หาไม่พวกนี้ก็เป็นมารในคราบของกาสาวพัสตร์ ซึ่งเรามีมากเกินไปแล้วในวงการศาสนจักร และถ้าอาณาจักรมัวแต่อุดหนุนสมีพวกนี้ พุทธศาสนาจะไม่ทรุดโทรมลงไปยิ่งกว่านี้ล่ะหรือ
เกรงว่าที่พรรณนามาทั้งหมดนี้ คนตัวโต ๆ ทั้งทางอาณาจักรและศาสนจักร ก็คงไม่คิดจะแก้ไขอันใด แม้สื่อมวลชนในกระแสหลักก็ไม่เห็นเคยเอาข้อความที่ว่ามานี้ ไปตีพิมพ์หรือพูดออกอากาศเพื่อเผยแผ่กันเลย ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์เป็นมาหลายเดือนแล้ว..
|