าพเจ้าเคยอ่านเรื่องพระอาจารย์บุญนาค เที่ยวกรรมฐาน มาราว ๆ สามสิบปีแล้ว คุณแสงอรุณ รัตกสิกร หามาให้อ่าน นับว่าได้อรรถรสถึงใจ จึงใคร่หาตอนต่อไป เพราะที่ได้มานั้น ข้อความค้างอยู่ ครั้นไปถามพระผู้ใหญ่ ในวัดบวรนิเวศดู ท่านบอกว่าที่พระบุญนาครูปนี้ ต่อมาต้องอาบัติปฐมปาราชิก โดยได้สึกหาลาเพศไปแล้ว และหายเข้ากลีบเมฆไปเลย
หลังจากนั้นอีกหลายปี พระฝรั่งรูปหนึ่งซึ่งอ่านภาษาไทยได้ ได้มาปรารภกับข้าพเจ้าถึงเรื่องดังกล่าวนี้ ว่าอยากแปลเป็นภาษาอังกฤษ ข้าพเจ้าเตือนท่านไปว่าผู้เขียนเป็นผู้แพ้ไปแล้วจากวงการสงฆ์ หากแปลออกไปแล้วไม่เล่าความจริงไว้ให้ปรากฏ จะเท่ากับหลอกลวงผู้อื่น พระรูปนั้นไม่สู้เชื่อถ้อยคำของข้าพเจ้าเท่าไรนัก เพราะผู้คนมักเห็นกันว่าข้าพเจ้ามองอะไร ๆ ไปในทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ ครั้นท่านสอบถามต่อไป ก็ได้ความจริงตรงกับที่ข้าพเจ้าได้รับทราบมา ท่านจึงล้มความตั้งใจที่จะแปลเรื่องนี้เสีย
บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นเรื่องดังกล่าวตีพิมพ์ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยประทับตราของมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งยังรวมเล่มคู่กับเรื่อง วิธีบำเพ็ญสมาธิเบื้องต้น ของิตวณฺโณภิกขุ หรือพระเทพวิสุทธิกวี แห่งวัดโสมนัส ทั้งพระคุณท่านยังเขียนคำนำ ยกย่องพระภิกษุผู้เขียนเรื่อง เที่ยวกรรมฐาน โดยไม่เอ่ยไว้เลยว่าพระบุญนาคหมดความเป็นพระไปแล้ว โดยต้องอาบัติถึงขั้นอุกฤษ
ข้าพเจ้าอดห่วงไม่ได้ว่า ถ้าสถาบันสงฆ์ไม่ระมัดระวังในเรื่องพวกนี้ ดังมีการประกาศตนเป็นพระอรหันต์ของพระมหาเถระรูปหนึ่ง ซึ่งออกเรี่ยรายเงินจากชาวบ้านมาช่วยธนาคารแห่งชาติเอย ใช้วัดของท่านเป็นศูนย์บัญชาการส่งไปรษณียบัตร สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเอย รวมถึงการขัดขวางพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ ที่มหาเถรสมาคมเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเอย ฯลฯ แต่แล้วมหาเถรสมาคมก็นิ่งเฉย รวมถึงกรณีธรรมกาย มหาเถรสมาคมก็ไม่ได้ขยับอะไรให้เคลื่อนที่ไปได้ แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้การพระศาสนาระส่ำระสายดอกหรือ
นี่ข้าพเจ้าปรารมภ์มาเพียงเท่านี้ก่อน หากไม่มีอะไรที่เป็นไปในทางนิคคหะให้มหาชนได้รับรู้ เกี่ยวกับมลทินต่าง ๆ ดังกล่าวมา อุบาสก เช่น ข้าพเจ้าคงจะนิ่งเฉยอีกต่อไปไม่ได้แล้วละกระมัง