นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานอนุกรรมการอำนวยการปราบปรามแรงงานต่างด้าว กล่าวถึงการจัดการกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาบวชเป็นพระว่า เขาคงคิดว่าเข้ามาอย่างนี้จะง่ายกว่า ตนเองก็พยายามสอดส่อง เช่นฉะเชิงเทรา ที่มีการร้องเรียนมามาก พบว่าทั้งวัดมีพระไทยรูปเดียวที่เป็นเจ้าอาวาส พระที่เหลือเป็นต่างด้าวหมด เวลาไปรับกิจนิมนต์แต่ละวันก็ต้องแบ่งให้วัดครึ่งหนึ่ง ก็กลายเป็นกระบวนการว่าเข้ามาในประเทศอย่างนี้ดีกว่า และในช่วงนี้อยู่ในช่วงเข้าพรรษา ถ้าเป็นพระจริงก็ต้องเขาเมืองถูกต้องมีพาสปอร์ตถูกต้อง และจะต้องผ่านกรมศาสนา ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นพระปลอมที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ส่วนการที่ไปตรวจสอบใน จ.ฉะเชิงเทรา เพราะมีชาวบ้านร้องเรียนมามาก ว่าสงสัยว่าทำไมพระถึงพูดภาษาไทยไม่ได้เลย หรือที่จังหัดอื่น ๆ เช่น จ.ชลบุรี จะมีวัดใหญ่วัดหนึ่งที่มีแรงงานต่างด้าวปลอมมาบวชเป็นพระตั้ง ๓-๔๐๐ คน บางวันเขาก็ทำงานใช้แรงงานเช่นงานก่อสร้างศาลาวัด โบสถ์ ค่าจ้างถูกกว่าแรงงานไทยตั้งมาก เมื่อวานที่จับก็จับได้คาหนังคาเขาระหว่างก่อสร้างกันอยู่เลย

          นายชัยภักดิ์ กล่าวว่า บางคนหรือเจ้าอาวาสบางท่านไม่รู้เห็นว่ามีลูกวัดเยอะดี ค่าแรงงานถูก แต่ถ้าเอาคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ด้วย หรือชาวต่างด้าวมาบวชเป็นพระ แต่ก้ยังเป็นคนที่หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งผิดกฎหมายไทยอยู่ดี ที่ตนหวั่นเกรงคือหากว่าเจ้าอาวาสไม่รู้ ก็กลายเป็นเคสใหญ่ เพราะถ้าพบว่าในวัดนั้นมีคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมาอยู่ ก็จะต้องสึกเจ้าอาวาสด้วย เพราะมีความผิดผิดฐานให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าว และตนไม่อยากสึกเจ้าอาวาสทั้งหมดก็ต้องเตือนก่อน ที่ผ่านมา ต้องสึกเจ้าอาวาส ๒ วัดแล้ว ตนก็กลับมานอนคิดหนักเพราะอยู่ในช่วงกลางพรรษาด้วย จึงคิดว่าเตือนกันก่อนดีกว่า ถ้ายังไม่ปฏิบัติให้ถูกกฎหมายก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว และเจ้าอาวาสจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เพราะอยู่ในความรับผิดชอบ โทษจำคุก ๕ ปี..