เสขิยธรรม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

คำเรียกร้องเชิญชวนให้ช่วยกันปราบโจรในผ้าเหลือง

วสิษฐ เดชกุญชร
มติชนรายวัน คอลัมน์กระแสทรรศน์
วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ปีที่ ๒๘ ฉบับที่ ๙๘๓๘ หน้า ๖

          ผมไม่สบายใจมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ได้ดูโทรทัศน์แล้วเห็นข่าวพระภิกษุรูปหนึ่งยื้อยุดฉุดแขนผู้หญิงในกุฏิในวัด ครั้นต่อมาเมื่อได้อ่านข่าวเดียวกันโดยละเอียดจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ว่า ไม่ใช่แค่ยื้อหยุดฉุดแขน แต่ถึงปลุกปล้ำทำอนาจาร และพระภิกษุรูปนั้นไม่เพียงแต่มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงรองเจ้าคณะจังหวัดด้วย ก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น

          ผมเป็นพุทธศาสนิก ตามปกติเมื่อเห็นคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองผมจึงจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า แล้วผมก็จะแสดงความเคารพ แม้เมื่อคนผู้นั้นแสดงกิริยาหรือวาจาให้ผมสงสัยบ้าง เช่น หลุกหลิก ขาดความสำรวม หรือพูดจาใช้สำนวนล่อแหลม ค่อนไปทางไม่สุภาพ ผมก็จะยังไม่เหมาเอาทันทีว่าเป็นพระปลอม แต่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ก่อน บอกตนเองว่า ท่านอาจจะเป็นพระใหม่ ยังไม่คุ้นกับพระธรรมวินัย หากให้เวลาท่านบ้าง ท่านก็อาจจะเป็นพระดีได้ในที่สุด

          แต่ถ้ามีอาการกิริยาที่ทำให้ผมแน่ใจว่า คนผู้นั้นเพียงแต่อาศัยผ้าเหลืองหาประโยชน์ส่วนตัว ผมก็จะถือว่าไม่ใช่พระ แต่เป็นโจรในผ้าเหลือง แล้วผมก็จะเลิกแสดงความเคารพและยุติการไปมาหาสู่ แม้จะอยู่วัดดีมีชื่อผมก็จะเลิกไม่ไปวัดนั้นต่อไปอีก เพราะกลัวจะต้องกราบโจร

          แต่วิธีของผมเป็นส่วนตัว อาจจะทำให้ผมคนเดียวโล่งใจที่ห่างโจรในผ้าเหลือง แต่ไม่ได้ทำให้โจรเลิกปล้นชาวบ้าน เปรียบเหมือนเอาลูกกรงเหล็กมาติดประตูหน้าต่างบ้านตัวเอง อาจได้ผลทำให้ขโมยเข้าบ้านผมไม่ได้ แต่ขโมยก็ยังขึ้นบ้านคนอื่นที่ไม่มีปัญญาจะหาลูกกรงมาติดประตูหน้าต่าง ผมยังเห็นขโมยอยู่ และได้แต่ดูตาปริบๆ

          ที่ผมไม่สบายใจก็เพราะเห็นว่าโจรในผ้าเหลืองกำเริบเสิบสานขึ้นทุกทีๆ จนหลายคนกลาย เป็นโจรที่ไม่ใช่ระดับกระจอก อย่างรายหลังนี้เป็นถึงเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งตามกฎมหาเถรสมาคมถือว่าเป็น "พระสังฆาธิการ" คือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ กว่าจะเป็นได้จะต้องบวชมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี เคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๔ ปี และที่สำคัญคือ ต้องมีคุณสมบัติอย่างต่ำคือ มีความรู้สมควรแก่ตำแหน่ง และมีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย

          โจรในผ้าเหลืองแบบนี้ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นโจรและปล่อยไปเรื่อยๆ ลงท้ายก็อาจจะกลายเป็นพระราชาคณะ เป็นเจ้าคุณ เป็นรองสมเด็จ หรือกลายเป็นสมเด็จ เหมือนกับตำรวจชั่วที่เติบโตในตำแหน่งจนกลายเป็นผู้บัญชาการ หรือนักการเมืองเลวที่กลายเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี แต่อันตรายจากโจรในผ้าเหลืองนั้นกว้างขวางร้ายแรงกว่าเกินจะพรรณนา เพราะทำความเสียหายทางใจ ทำลายศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาของชาติไทยและของคนไทย ถ้าพระศาสนาถูกทำลายเสียหาย คนไทยก็จะสิ้นที่พึ่งทางใจ แล้วเมืองไทยก็จะย่อยยับ

          โจรในผ้าเหลือง จึงเป็นอาชญากรตัวร้ายที่สุด ที่คนไทยชาวพุทธจะต้องร่วมมือร่วมใจกันกำจัดอย่างจริงจัง ต้องช่วยกันปราบ ไม่ปล่อยให้พระปราบกันเองตามพระธรรมวินัย ซึ่งทำได้แค่ปรับอาบัติปาราชิกและเปลื้องผ้าเหลืองไล่ให้พ้นความเป็นพระไปเท่านั้น แต่จะต้องเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยซึ่งบัดนี้เป็นพรรคที่ครองเมืองไทย พิสูจน์ความ "รักไทย" ของตน ด้วยการแก้กฎหมายอาญา เพิ่มโทษฐานทำลายพระพุทธศาสนา ให้พระภิกษุที่ละเมิดพระธรรมวินัยขั้นร้ายแรงและต้องอาบัติปาราชิก ได้รับโทษทางอาญา ทั้งจำและทั้งปรับด้วย(ที่ให้มีโทษปรับด้วยก็เพราะว่าโจรในผ้าเหลืองนั้น บางคนปล้นชาวบ้านไปจนรวย อย่างรายล่าสุดนี้มีรถยนต์นั่งหลายคันและมีเงินฝากธนาคารเป็นล้าน)

          ในขณะเดียวกัน ผมก็ขอเรียกร้องเชิญชวนชาวพุทธที่รู้เห็นพฤติการณ์เยี่ยงโจรของคนในผ้าเหลือง ขออย่ามัวใช้อุเบกขาอย่างที่ผมเคยใช้ แต่ขอให้ออกมาช่วยกันฉีกหน้ากากและเปิดโปงมัน ด้วยการรายงานพระผู้ใหญ่ให้ท่านทราบ และแจ้งความให้ตำรวจและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรู้ เพื่อจะได้จัดการสึกไปให้พ้นพระศาสนา ในขณะเดียวกัน ก็ขอให้หยุดทำบุญกับโจร อย่าใส่บาตร อย่าให้ปัจจัยไม่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใด และถ้ารู้ว่าวัดไหนยอมให้โจรพำนักอาศัยอยู่ ก็ขอให้พร้อมใจกันอย่าไปวัดนั้น

          ไหนๆ ขอแล้ว ก็ขอต่อไปอีกอย่างหนึ่ง คือขอให้ผู้เกี่ยวข้องที่มีอำนาจ ทั้งมหาเถรสมาคมและรัฐบาล ตัดสินใจทำอะไรให้จริงจังเสียที เกี่ยวกับการหาเงินเข้าย่าม (ที่จริงเป็นบัญชีธนาคาร) เป็นส่วนตัวของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระ ด้วยการออกกฎหมายและข้อบังคับให้เงินที่มีผู้บริจาคนั้นตก เป็นของกลางของสงฆ์จริงๆ ไม่ใช่ของพระรูปใดรูปหนึ่ง จะได้ใช้ไปเพื่อบำรุงพระศาสนาตามความตั้งใจของผู้ถวาย ไม่สามารถเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างที่เห็นกันแล้วเห็นกันอีก

          ทำอย่างนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะบาป เพราะเราไม่ได้ทำลายวัดหรือรังแกพระ แต่เราช่วยกันทำวัดให้ปลอดโจร และช่วยกันปราบโจรในผ้าเหลืองให้หมดไปจากวัด ได้บุญมหาศาล ไม่ตกนรก มีแต่จะได้ขึ้นสวรรค์อย่างเดียว.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
> นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :