เสขิยธรรม -
ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
กำลังเข็นครกขึ้นภูเขา

โดย วสิษฐ เดชกุญชร
มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ปีที่ ๒๖ ฉบับที่ ๙๓๘๔ หน้า ๖

          ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายคนคงจะทราบแล้วว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่ตั้งขึ้นใหม่เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ นั้น บัดนี้มีผู้อำนวยการชื่อ พล.ต.ท.อุดม เจริญ และคงมีอีกหลายคนที่รู้ด้วยว่า คุณอุดมนั้น เดิมท่านมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่งจะ "ข้ามห้วย" ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคมที่เพิ่งจะผ่านไปนี้เอง แทนผู้อำนวยการคนเก่าซึ่งถึงเกษียณอายุราชการไป

          ผมรู้จักคุณอุดมมาตั้งแต่ผมยังรับราชการอยู่ในกรมตำรวจ จึงรู้ว่าคุณอุดมเป็นตำรวจที่ประหลาดกว่าตำรวจอื่นๆ อีกหลายคน(หรือหลายหมื่นคน) ในข้อที่คุณอุดมเป็นพุทธศาสนิกที่สนใจ ศึกษา และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างจริงจังและสม่ำเสมอ

          ครั้นเมื่อได้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นก็พยายามที่จะชักนำให้เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา ศึกษาและปฏิบัติธรรมตาม

          สมัยเมื่อยังอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น คุณอุดมมีบทบาทอย่างสำคัญในการผลักดันให้ตำรวจเป็นจำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ระดับนายพลลงไป เข้าโครงการอบรมและฟื้นฟูจริยธรรมโดยอาศัยพระพุทธศาสนาเป็นหลัก

          ผมเองก็ได้มีโอกาสไปช่วยคุณอุดมบรรยายธรรมให้แก่ตำรวจเหล่านั้นอยู่เป็นบางรุ่น

ที่มาเขียนถึงคุณอุดมในวันนี้ก็เพราะผมได้อ่านพบข่าวในหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับวันที่ ๑๐ พฤศจิกายนนี้ เกี่ยวกับคุณอุดมในตำแหน่งปัจจุบันของท่าน คือตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

          ข่าวนั้นมีใจความโดยสรุปว่า คุณอุดมกำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้กำหนดนโยบาย นำพุทธธรรมไปประยุกต์ในชีวิตประจำวันของพุทธศาสนิกชน(ไม่จำกัดแต่เฉพาะตำรวจ) โดยให้สำนักงานที่คุณอุดมเป็นผู้อำนวยการอยู่รับผิดชอบประสานงาน

          คุณอุดมจะเริ่มโดยขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ของรัฐลาไปปฏิบัติธรรมปีละ ๑ ครั้ง ครั้งละ ๓-๕ วัน โดยให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการ ได้รับเงินเดือนและค่าจ้างตามปกติ

          สำหรับสถานที่ปฏิบัติธรรมนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัด กำหนดสำนักปฏิบัติธรรมที่ "มีคุณภาพเป็นมาตรฐาน" ๕-๑๐ แห่ง สำหรับใช้เป็นที่ฝึกอบรมในแต่ละจังหวัด คาดว่าหากได้รับอนุมัติ ในปีแรกจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าโครงการปฏิบัติธรรมนี้ถึงสามแสนคน

          คุณอุดมกล่าวด้วยว่า โครงการนี้เมื่อได้รับอนุมัติและดำเนินการไปแล้วระยะหนึ่ง ต่อไปก็จะนำเข้าสู่กระบวนการของระบบการศึกษา เพื่อให้มีการศึกษาและปฏิบัติธรรมตั้งแต่วัยเด็กเล็กขึ้นมาจนถึงวัยผู้ใหญ่

          ผมอ่านข่าวนี้ด้วยความชื่นชมที่คุณอุดมยังยึดมั่นอยู่ในปณิธาน ที่จะนำเอาหลักพุทธธรรมไปประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาสังคมในชาติ และคราวนี้หากโครงการนี้ได้รับความเห็นชอบและอนุมัติให้ใช้เป็นนโยบายโดยคณะรัฐมนตรี บางทีในไม่ช้า เราอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงดีๆ เกิดขึ้นในบ้านเมืองก็เป็นได้

          แต่โครงการนี้มีอุปสรรค และผมเชื่อว่าคุณอุดมก็คงตระหนักในอุปสรรคเหล่านั้น

          อุปสรรคประการแรกนั้นน่าจะได้แก่ความไม่กระตือรือร้นของผู้มีอำนาจที่จะบันดาลให้โครงการนี้เกิดขึ้น

          ผู้มีอำนาจที่ว่านี้มิใช่ใครที่ไหนอื่น แต่ได้แก่รัฐมนตรีทั้งหลายนั้นเอง ยุคนี้เป็นยุคของวัตถุนิยม การดำเนินนโยบายของรัฐบาลหนักไปในด้านรูปธรรม ที่เห็นได้ชัดก็ได้แก่การเพิ่มและกระจายรายได้ อันเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของชาติเติบโตดังที่ปรากฏอยู่ ในภาวะเช่นนี้ ย่อมมีผู้ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาและปฏิบัติธรรม (ซึ่งเป็นนามธรรม) น้อย

          การเสนอของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงอาจจะมีผู้สนใจน้อยตามไปด้วย

          และแม้หากจะได้รับอนุมัติ แต่การอนุมัตินั้นก็อาจจะเป็นแต่เพียงการละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ไม่มีผู้สนใจที่แท้จริง

          และเมื่อผู้มีอำนาจไม่สนใจ ในที่สุดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็อาจจะกลายเป็นเหมือนเรือที่ถูกปล่อยให้ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลไม่มีวันถึงฝั่ง เพราะไต้ก๋งมัวแต่เมาเหล้าสนุกอยู่

          อุปสรรคอีกประการหนึ่งนั้น คือสถานฝึกอบรมปฏิบัติธรรม "ที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐาน" ที่คุณอุดมต้องการจะให้ใช้เป็นที่ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสามแสนคน เวลานี้ มีสถานฝึกอบรมอยู่เป็นอันมากทั่วประเทศ แต่ใครจะเป็นผู้กำหนด รับรอง และประกันคุณภาพที่ "เป็นมาตรฐาน" ของสถานฝึกอบรมเหล่านั้น ?

          ทำอย่างไรจึงให้เป็นที่แน่ใจว่า เมื่อเข้าไปรับการฝึกอบรมแล้ว สถานฝึกอบรมแห่งใด อาจารย์คนไหนรูปไหน จะไม่นอกตำราชักนำผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้หลงผิด เช่น ด้วยการหลอกลวงว่าการฝึกปฏิบัติธรรมแก้ได้ทุกปัญหา หรือหลอกลวงว่าสามารถจะนำผู้เข้ารับการฝึกอบรมไปเฝ้าพระพุทธเจ้า หรือไปพบเทวดายังสวรรค์ชั้นโน้นชั้นนี้ ?

          อุปสรรคที่ผมแลเห็นนั้นที่จริงมีอีกหลายประการ แต่ที่ยกขึ้นมาเพียงสองประการข้างต้นนี้ มิใช่เป็นการติเรือทั้งโกลน แต่ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ

          ขอแสดงความชื่นชม และเอาใจช่วย พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาในที่นี้ด้วย.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | > ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :