เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
คอลัมน์ ชั่วๆ ดีๆ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ปีที่ ๒๖ ฉบับที่ ๙๑๙๒
ยังจำได้ว่าผมส่งบทความไปลงหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปีสาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์...ห้วงที่เขียนงานชิ้นนี้ผมเพิ่งมีอายุได้ ๒๑ ปี กำลังร้อนวิชาหนักจึงพยายามเอาความรู้จากตำรามาวิเคราะห์สังคม
บทความดังกล่าวเป็นความเห็นเกี่ยวกับกรณีฆ่าข่มขืนครูสาวคนหนึ่ง ซึ่งคนร้ายเป็นลูกชายวัยรุ่นของคนงานที่อพยพมาจากต่างจังหวัด
ทฤษฎีของผมมีอยู่ว่า คนที่เกิดบ้านนอกแล้วมารับจ้างใช้แรงงานในเมือง มักไม่ค่อยก่ออาชญากรรมเท่าใด ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขายังพา วัฒนธรรมกลัวบาปกลัวกรรม ของชาวพุทธในชนบทติดตัวมาด้วย
ปัญหาใหญ่อยู่ที่ลูกหลานของพวกเขาซึ่งเกิดในเมือง แต่ก็ไม่ใช่ประชากรที่คนในเมืองเขานับญาติ เด็กๆ เหล่านี้เติบโตอยู่ใต้เพิงหมาแหงน โดยสังคมไม่เคยใส่ใจไยดี ในที่สุดก็ถูกขับให้อยู่นอกอารยธรรมไปโดยปริยาย และกลายเป็นแหล่งที่มาสำคัญของอาชญากรในประเทศไทย
สาเหตุที่ทำให้ผมหวนนึกถึงบทความชิ้นแรกที่เคยตีพิมพ์ ก็เพราะหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวอาชญากรรมที่สะท้อนว่า โลกเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน และผมไม่สามารถใช้แนวคิดข้างต้นมาอธิบายอะไรได้เลย
ข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งรายงานเรื่องอาชญากรวัยรุ่นที่เรียกว่า "แก๊งจิ้งเหลน" โดยยืนยันว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้เที่ยวไปรุมฆ่าคนชิงทรัพย์มาแล้วหลายราย พวกเขาใช้วิธีซ้อมเหยื่อจนตาย และมีมือสังหารคนสำคัญเป็นนักเรียนมัธยม ซึ่งพรรคพวกมอบหน้าที่ให้ลงมือหนักกว่าเพื่อนเนื่องจากมีร่างกายใหญ่โต
เนื้อข่าวระบุชัดว่าเด็กเหล่านั้นไม่ใช่พวกเกิดมายากจนด้อยโอกาส อีกทั้งครอบครัวก็มิได้แตกร้าวหากอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ครั้นนักข่าวถามว่าชีวิตไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แล้วทำไมจึงไปปล้นฆ่าคนเสียมากมาย พวกเขาก็ตอบด้วยแววตาว่างเปล่าว่าเพราะมันเป็นวิธีหาเงินที่ง่ายดี
หลังจากดูข่าวดังกล่าวได้สองสามวัน ก็มีอีกข่าวหนึ่งซึ่งพาดหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ครั้งนี้เป็นเรื่องของนักศึกษาหนุ่มสาวที่เปิดเว็บไซต์ชวนคนมาดูตัวเองร่วมเพศ นอกจากนี้ยังเสนอบริการจัดเซ็กซ์หมู่ และสลับคู่ร่วมประเวณีกัน รายงานข่าวแจ้งว่ามีคนเคยซื้อบริการของหนุ่มสาวคู่นี้ไปแล้วหลายราย แต่ในที่สุดเรื่องก็ไปถึงหูตำรวจ จึงถูกจับตัวมาดำเนินคดี
ครับ เป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยย่อมหมายความว่าชีวิตไม่ได้ตกอับอะไรนักหนา และที่ทำเรื่องชวนอาเจียนเช่นนี้ก็เพราะต้องการหาเงินง่ายๆ เท่านั้นเอง
อันที่จริงยังมีอาชญากรรมอีกมากมายหลายอย่าง ที่ก่อขึ้นโดยเยาวชนรุ่นปัจจุบัน ที่สังกัดสถาบันการศึกษาระดับสูง เรามักจะได้ยินข่าวแบบนี้อยู่เนืองๆ ตั้งแต่เรื่องค้ายาเสพติด ขายประเวณี เป็นเจ้ามือการพนัน รับจ้างโกงการสอบไปจนถึงเรื่องกระจอกๆ แบบฉกชิงวิ่งราว
ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเด็กๆ ที่ไม่ได้ยากจนหรือด้อยโอกาสจึงก่ออาชญากรรม มากขึ้นทุกที
ถ้าจะให้ผมตอบอย่างสั้นๆ ก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่มีศรัทธาในเรื่องผิดถูกดีงาม หรือถ้าจะให้พูดหนักไปกว่านั้นอีก ก็คงต้องยืนยันว่าคนเหล่านี้ถึงขั้นศรัทธาในความชั่วเสียด้วยซ้ำ เพราะในหมู่พวกเขา การไม่รู้จักคดโกงเอาเปรียบ นับเป็นเรื่องน่าดูถูกหมิ่นหยาม
อันนี้หมายถึงว่า อาชญากรรมของพวกเขาไม่ได้เกิดจากแรงกดดันแบบขโมยซาลาเปาแก้หิว หากเกิดจากความคิดชี้นำชัดเจนซึ่งขยายตัวมาจากตัณหาที่ต้องการเป็นผู้ได้เปรียบ
เพราะฉะนั้น แม้ผมจะยังเชื่ออยู่ว่า โดยพื้นฐานแล้วอาชญากรรมเป็นผลผลิตของสิ่งแวดล้อมทางสังคม แต่เห็นจะต้องเติมรายละเอียดลงไปอีกว่า สิ่งแวดล้อมนั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงความจนยากแร้นแค้นเสมอไป
การปลุกระดมให้ผู้คนมุ่งเสพสุขสำราญ และเลิกเชื่อเรื่องผิดถูก ก็สามารถทำให้พวกเขาถอนตัวออกจากมนุษยภาพได้ และทำทุกอย่างเหมือนสัตว์ป่าไร้อารยธรรม
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่นับวันลูกคนชั้นกลางที่มีการศึกษาจะก่ออาชญากรรมมากขึ้น เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนในชาติที่รับสื่อโฆษณามากกว่าผู้ใด ถูกสอนให้คลั่งไคล้ในสินค้าบริการทุกชนิด ตั้งแต่ยาทารักแร้ขาว ไปจนถึงกางเกงในแบบเร้าใจ
นอกจากนี้พวกเขายังเป็นชนกลุ่มเดียวที่สามารถอาศัยเส้นทางไซเบอร์ ท่องเที่ยวไปในโลกเสมือนจริงในอินเตอร์เน็ต ซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยภาพมายาที่ปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบทุกรูปแบบ ตั้งแต่การฆ่าฟันกันด้วยความรุนแรงแปลกพิสดาร ไปจนถึงกลกามนานัปการ
หันไปดูกิจกรรมที่มีฐานะครอบงำในสังคม ก็มีแต่เรื่องหาเงินกันแบบไม่ต้องทำงาน ตั้งแต่หุ้น หวย มวย ม้า ไปจนถึงเกมโชว์ที่แจกเงินกันง่ายๆ และรายการชิงโชคแจกทองคำ
ด้วยเหตุนี้ นับวันมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่กลางดึกในห้องส่วนตัว เด็กชายวัยรุ่นหน้าตาเรียบร้อยคนหนึ่งจะมีจินตนาการเรื่องปล้นฆ่าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือฝันจะถือกรรมสิทธิ์ในอะไรสักอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ
เมื่อคนเราเลิกเชื่อในการทำงาน และปฏิเสธบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม มันก็ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้แล้วนอกจากต้องถือว่า นี่คือการล่มสลายของวัฒนธรรมและอารยธรรม
ใช่...รุมกระทืบคนเพื่อชิงทรัพย์ก็ทำได้ เอากันให้คนดูก็ทำได้ ขอเพียงให้ตัวเองมีเงินไปเสพสุขก็พอใจ
เมื่อไรจะยอมรับกันเสียทีหนอว่าเราพัฒนาประเทศมาผิดทางไปไกล ..
|