เสขิยธรรม -
ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

อย่าใช้เบนซินดับไฟ

โดย ประเวศ วะสี
เซกชั่นกระแสทรรศน์ มติชนรายวัน
ฉบับวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ ปีที่ ๒๗ ฉบับที่ ๙๔๗๘ หน้า ๖

 

          การพูดจาของคนในรัฐบาลบางคนเหมือนเอาเบนซินไปดับไฟใต้

          ไฟใต้ไม่ได้อยู่เฉพาะที่ใต้

          ท่าทีของคนอเมริกันต่อมุสลิมก่อให้ไฟแห่งความขัดแย้งรุนแรง ลุกลามไปท่วมโลก ฉันใด ต้องระวังว่าท่าทีของคนในรัฐบาลที่ขาด วจีสุจริต จะก่อให้ไฟแห่งความขัดแย้งรุนแรงลุกลามทั่วประเทศไทย

          คนมุสลิมไม่ได้มีเฉพาะที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย

          เราควรมีบทเรียนจากสถานการณ์ความรุนแรงในโลก และเรียนรู้จากปัญญาของบรรพบุรุษเราที่สามารถ สมานแผ่นดิน ที่ทำให้คนต่างศาสนา ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม อยู่ร่วมกันได้ในประเทศนี้

          ผมเคยเตือนหลายครั้งหลายหนว่า สันติภาพเป็นทุนที่มีค่ายิ่งของเรา ถ้าขาดสันติภาพ บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การพัฒนาก็หยุดชะงักและเสียหายสุดประมาณ ถ้าขาดสันติภาพ เช่น ในบางส่วนของโลก เงินเท่าไรๆ ก็ซื้อให้มันกลับคืนมาไม่ได้

          การพัฒนาจะต้องเป็น การพัฒนาที่ประณีต จึงจะรักษาบ้านเมืองไว้ได้

          ถ้าพัฒนาแบบสุกเอาเผากิน เร่งๆ รีบๆ แบบเงินๆๆ จะพาบ้านเมืองเข้าไปสู่ความลำบาก เพราะประมาทและขาดความประณีต ความประณีตที่ลึกที่สุดคือ การเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน นี้คือศีลธรรมพื้นฐาน การพัฒนาที่ขาดศีลธรรมพื้นฐานจะนำไปสู่ความลำบากและความรุนแรง

          ในศีลธรรมพื้นฐานจะต้องเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าของวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น ชุมชนท้องถิ่นคือฐานล่างของสังคม ถ้าฐานล่างแข็งแรง สังคมทั้งหมดก็มั่นคงและยั่งยืน

          การพัฒนาแบบวัตถุนิยมเงินนิยมที่ยัดเยียดจากส่วนกลาง โดยไม่เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น จะทำลายฐานล่างของสังคมให้อ่อนแอ อันจะทำให้สังคมทั้งหมดพังลง

          ประเทศไทยมีกรรมร่วม(collective กรรม) ที่จะไม่เข้าใจความสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่นเพราะ

          - เราขาดศีลธรรมพื้นฐาน คือเราไม่เคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคน โดยเฉพาะของคนเล็กคนน้อย คนยากคนจน

          - ระบบการศึกษาใน ๑๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา ได้ทำให้คนไทยไม่เข้าใจแผ่นดินไทย เพราะเอาแต่ท่อง "วิชา" โดยไม่ได้สัมผัสความเป็นจริง

          - ระบบราชการแบบเจ้าขุนมูลนาย

          ทั้ง ๓ ประการทำให้ขาดปัญญา

          เมื่อขาดปัญญาก็ ขาดวจีสุจริต

          วจีสุจริตตามคำสอนของพระพุทธองค์ ประกอบด้วย

          พูดความจริง มีที่มา มีที่อ้างอิง

          พูดเป็นปิยวาจา

          พูดถูกกาลเทศะ

          พูดแล้วเกิดประโยชน์

          เมื่อขาดวจีสุจริต คำพูดจึงเปรียบประดุจเบนซินที่สาดเทใส่ไฟ คนในรัฐบาลที่ลงไปแก้ปัญหา ถ้าขาดปัญญาและวจีสุจริต ก็ยิ่งจะไปโหมไฟให้รุนแรงขึ้น

          เพราะกรรมร่วมดังกล่าวข้างต้นจะให้ภาพที่น่ากลัวมาก ไม่ใช่เพราะเรื่องไฟใต้เท่านั้น ควรที่คนไทยทั้งมวลจะให้ความสนใจต่อปัญหาพื้นฐานของเรา ถ้าเดินตามเงินไปเรื่อยๆ อย่างเดียว เราจะลำบาก

          การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขอแนะนำว่า

          หยุดสาดเบนซินใส่ไฟ ต้องใช้วจีสุจริต เสนาบดีผู้ใดที่อดเปรี้ยวปากไม่ได้ อาจต้องปลดประจำการ

          ใช้ยุทธศาสตร์แบบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ ๖๖/๒๕๒๓ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ยุติการต่อสู้รบระหว่างคนไทยด้วยกันโดยรวดเร็ว

          ประชาคมมุสลิมในไทยนั่นแหละจะเป็นผู้ช่วยดับไฟ ประเทศไทยมีเสน่ห์ที่ไม่ว่าคนจีน แขก ฝรั่ง มาอยู่แล้วก็รักประเทศไทย คนมุสลิมเขาก็รักประเทศไทย ประชาคมมุสลิมทั้งมวลในประเทศไทยนั่นแหละจะเป็นผู้ช่วยดับไฟใต้

          ไฟดับด้วยความประณีต แต่ไม่ได้ด้วยความอหังการ

          ถ้าส่วนใหญ่ทำดีอยู่แล้ว หรือกำลังปรับตัวให้ดีขึ้น ก็ขออนุโมทนา.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | > ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :