พศ.แก้กฎกระทรวง
คุมกำเนิดวัด-ขจัดสำนักสงฆ์
ไทยรัฐ ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๑๖๗๐๒ วันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๖
พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวพุทธที่ปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนาแจ้งให้ทราบว่า ในวันที่ ๑๔ ต.ค.นี้ กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะมีการประชุมเพื่อขอแก้กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๐๗) ออกตามความใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ เกี่ยวกับการสร้างวัด การตั้งวัด การรวมวัด การย้ายวัด การยุบเลิกวัดและการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามที่นายสุขุมพงษ์ ม่วงคำ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอมา โดยอ้างว่าต้องมีการขอแก้กฎกระทรวงฉบับดังกล่าว เพื่อต้องการให้มีการสร้างวัดยากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีวัดร้างจำนวนมาก ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น วัดที่ร้างแต่ละวัดมีอายุตั้งแต่ ๕๐ ปีขึ้นไป ไม่ใช่วัดที่สร้างขึ้นใหม่แล้วร้าง บางแห่งเป็นโบราณสถาน เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และที่ผ่านมาคณะสงฆ์ก็มีการยกฐานะวัดร้าง เป็นวัดที่พระภิกษุจำพรรษาจำนวนมาก ที่สำคัญวัดร้างแม้จะไม่มีพระสงฆ์ แต่วัดร้างคือสมบัติของพระพุทธศาสนา ใครจะนำไปปู้ยี่ปู้ยำไม่ได้ การแก้กฎกระทรวงไม่ทราบว่าเป็นเพราะฝ่ายการเมืองต้องการคุมกำเนิดวัด ไม่ให้มีการสร้างวัดขึ้นใหม่เกรงว่าวัดจะถือครองที่ดิน ทำให้จำนวนที่ดินลดลง ขัดกับนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาลใช่หรือไม่
รองอธิการบดี มจร.กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง หากกฎกระทรวงได้รับการแก้ไขคือบรรดาสำนักสงฆ์จำนวนนับหมื่นแห่งทั่วประเทศ จะได้รับผลกระทบ เพราะสำนักสงฆ์ ไม่ใช่วัด สามารถยุบได้ทันที ที่สำคัญกฎกระทรวงดังกล่าวเนื้อหาสาระยังใช้การได้ แต่ปัญหาคือไม่ได้นำไปใช้แล้วจะมาแก้ไขไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ถ้าจะแก้จริงๆ ก็ไม่ควรเลือกปฏิบัติกับวัดในพระพุทธศาสนาอย่างเดียว ถ้าจะแก้ปัญหาคนจน ให้ที่ดินทำกินต้องปฏิรูปที่ดิน ทำไมไม่กล้าไปแตะต้องที่ดินของนายทุนหรือว่ากลัวขัดใจเศรษฐี ..
|