พระเณรจวกหลักสูตรนักธรรมบาลีตกยุค
แนะสร้างสถานศึกษาแทนศาสนสถาน
มติชน ฉบับวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ปีที่ ๒๖ ฉบับที่ ๙๒๗๑ หน้า ๒๑
ข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แจ้งว่า วช.ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยนายวีรชาติ นิ่มอนงค์ จากคณะปรัชญาและศาสนามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิจัย เรื่อง "ความไม่เสมอภาคทางการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในประเทศไทย" โดยสอบถามและสัมภาษณ์พระสังฆาธิการ พระผู้บริหารการปกครองคณะสงฆ์ พระผู้บริหารมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหามกุฏราชวิทยาลัย พระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้บริหารกรมการศาสนาและมหาเถรสมาคม พบว่าความไม่เสมอภาคทางการศึกษา ๒ ประเด็นคือ ในส่วนงบประมาณ ขาดครูที่มีคุณภาพ อาคารและอุปกรณ์การเรียนไม่เพียงพอ เป็นต้น
ส่วนด้านหลักสูตรนั้นขาดการเชื่อมโยงกัน เนื่องจากมีระบบการศึกษา ๒ หลักสูตร คือ สายนักธรรมบาลีและสายปริยัติธรรมสามัญ ผู้สำเร็จการศึกษาไม่สามารถเทียบโอนกันได้ เนื่องจากหลักสูตรนักธรรมบาลีเป็นหลักสูตรเก่า ไม่มีการปรับปรุงหลักสูตรวิชาและกระบวนการเรียนการสอน ตามหลักการบริหารการศึกษาที่รัฐกำหนดไว้ใน พ.ร.บ. การศึกษา ทำให้รัฐไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณได้เต็มที่ เหมือนหลักสูตรพระปริยัติธรรมสายสามัญ และมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่รัฐบริหารหลักสูตรเอง
ในส่วนของพระภิกษุสามเณรได้เห็นว่า คณะสงฆ์และรัฐยังไม่มีนโยบายการจัดการศึกษาที่แน่นอน โดยเฉพาะไม่มีข้อระบุใน พ.ร.บ. การปกครองคณะสงฆ์อย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่สนับสนุนให้เปิดกว้างทางการศึกษา นอกจากนี้ระบบการศึกษาของสงฆ์มีหลากหลาย แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์และแนะแนวระบบการศึกษา พระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ ต้องการเรียนหลักสูตรปริยัติธรรมสามัญ และระบบมหาวิทยาลัยสงฆ์ มากกว่าหลักสูตรนักธรรมบาลี ที่มีกระบวนการเรียนการสอนและหลักสูตรไม่เหมาะสมกับยุคสมัย รวมทั้งจัดต้นสังกัดไม่ให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษา
จากการสอบถามความเห็นของพระมหาเถรสมาคมและกรมการศาสนา พบว่าเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพระภิกษุสามเณรในเรื่องความไม่เสมอภาคทางการศึกษา และต้องการให้คณะสงฆ์แก้ไข พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์และสนับสนุนการศึกษา ทั้งสายนักธรรมบาลี และสายปริยัติธรรมสามัญ และมหาวิทยาลัยสงฆ์ให้เท่าเทียมกัน รวมทั้งต้องการให้ปรับปรุงหลักสูตรและขยายการศึกษาแบบพระปริยัติธรรมสามัญ และแบบมหาวิทยาลัยสงฆ์ เนื่องจากการศึกษาสองสายดังกล่าวมีความสอดคล้อง สามารถเชื่อมโยงและเทียบโอนกันได้ เมื่อต้องการศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนอื่น
ส่วนหลักสูตรนักธรรมบาลีควรปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนให้มีลักษณะบูรณาการ ระหว่างวิชาการทางธรรม และวิชาการสมัยใหม่และการประเมินผลให้ทันสมัยขึ้น สำหรับบทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีต่อสังคมประเทศชาติพบว่ายังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ นายวีรชาติผู้วิจัยสรุปและเสนอแนะว่า ปัญหาความไม่เสมอภาคทางการศึกษาดังกล่าว เกิดจากระบบการศึกษาที่มีความหลากหลายและไม่เชื่อมโยงกัน เพื่อแก้ปัญหานี้ควรจะวิจัยหลักสูตรที่พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เสนอต่อคณะสงฆ์อย่างจริงจัง และควรเน้นการสร้างสถานศึกษาแทนการสร้างศาสนสถาน..
|