ซื้อหุ้นลิเวอร์พูลบอกอะไรบ้างเกี่ยวกับสังคมไทย
พระไพศาล วิสาโล
ba134.shtml
ในขณะที่รัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนซื้อสินค้าไทย นายกรัฐมนตรีกลับเป็นเจ้ากี้เจ้าการชักชวนคนไทยทั้งประเทศ ซื้อสินค้าต่างชาติซึ่งมีมูลค่าสูงถึง ๔,๖๐๐ ล้านบาท
การซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลถึง ๓๐% หากสำเร็จ ย่อมนับเป็นการซื้อสินค้าต่างชาติล็อตเดียวที่มีมูลค่ามหาศาลติดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยทีเดียว อันที่จริงการซื้อของต่างชาติไม่ใช่เรื่องเสียหายในตัวมันเอง หากว่าเอาไปใช้เพื่อการพัฒนาประเทศ คงไม่มีใครว่าหากรัฐบาลจะซื้อเครื่องบินโดยสารมูลค่านับหมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สายการบินของชาติ
กรณีซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลนั้น รัฐบาลอ้างว่าเพื่อพัฒนาการกีฬาไทย แต่ก็มีเหตุให้สงสัยว่านั่นเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือ ในเมื่อเงินมหาศาลขนาดนั้นสามารถเอาไปใช้พัฒนากีฬาไทยด้วยวิธีอื่นที่ตรงจุดได้มากกว่า และเห็นผลได้ชัดเจนกว่า เพียงแค่ซื้อที่สร้างสนามเด็กเล่นหรือสนามกีฬาอย่างทั่วถึง ก็จะช่วยให้เยาวชนไทยมีฉันทะและความสามารถในทางกีฬาอย่างมากมาย มิต้องไปมั่วสุมอยู่ตามสถานเริงรมย์หรือขลุกอยู่ตามห้างสรรพสินค้าอย่างที่เห็นเวลานี้
เจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ขอยกไว้ก่อน สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือกระแสความสนใจของประชาชนต่อเรื่องนี้ คงไม่ผิดที่จะกล่าวว่าข่าวซื้อหุ้นลิเวอร์พูลได้สร้างความตื่นเต้นตูมตามในหมู่คนไทยอย่างกว้างขวาง แทบทุกวงการพูดกันถึงเรื่องนี้ จนข่าวอื่น ๆ ถูกผลักให้ตกกระแสไปเลย ไม่ค่อยมีใครสนใจอยากจะพูดเรื่องภาคใต้หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว สิ่งที่คนไทยในชั่วโมงนี้อยากรู้ก็คือสโมสรลิเวอร์พูลจะขายหุ้นให้นายก ฯ ทักษิณ(และคนไทย)หรือไม่
ในขณะที่คนสามหรือสี่จังหวัดภาคใต้กำลังตกอยู่ในความหวาดผวา ขาดความปลอดภัยในชีวิต โดยที่จำนวนไม่น้อยยังไม่หายเศร้าโศกจากเหตุการณ์วิปโยคเมื่อเดือนที่แล้ว คนไทยอีกค่อนประเทศกลับกำลังวาดฝันที่จะได้เป็นเจ้าของหุ้นลิเวอร์พูล และถกเถียงกันว่ารัฐบาลจะระดมเงินด้วยวิธีใดเพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว แทบไม่มีที่ว่างให้แก่ความห่วงใยในเพื่อนร่วมชาติ และแทบไม่เหลือที่ว่างให้แก่การครุ่นคิดถึงเรื่องที่สำคัญของประเทศชาติเลย
น่าคิดว่าอะไรทำให้คนไทยสนอกสนใจในเรื่องซื้อหุ้นลิเวอร์พูลกันมากมายขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะกระตือรือร้นอยากพัฒนากีฬาไทยขึ้นมาเป็นแน่ เพราะเรื่องหลังนี้พูดกันมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปมากนัก แน่นอนว่าความนิยมในทีมฟุตบอลทีมนี้ก็มีส่วนสร้างกระแสดังกล่าว แต่ดูเหมือนว่าคนที่ตื่นเต้นและยินดีปรีดากับข่าวนี้มีจำนวนมากกว่าแฟนลิเวอร์พูลหลาย เท่าตัว ดังนั้นจึงน่าจะมีเหตุผลมากกว่านั้น
เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุประการหนึ่งก็คือ ข่าวการซื้อหุ้นลิเวอร์พูลสอดคล้องต้องกับจริตนิสัยบางประการของคนไทยที่ฝังรากลึกมากในระยะหลัง นั่นคือนิสัยช็อปปิ้ง คนไทยนั้นขึ้นชื่อในเรื่องช็อปปิ้ง โดยเฉพาะของนอก เวลาไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปดูงานหรือไปทัวร์ สิ่งที่ขาดไม่ได้และแทบจะเป็นกิจกรรมหลักไปเลยก็คือช็อปปิ้ง นักท่องเที่ยวคนไทยช็อปปิ้งกันเป็นล่ำเป็นสันจนเกิดสมญานามในต่างประเทศว่า "เซียมตือ" (หมูสยาม)
ในเมืองไทยค่านิยมของนอกหรือยี่ห้อดังแพร่ระบาดไปทั่วจนเป็นที่เลื่องลือ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กและเยาวชน ในขณะที่นักเรียนไล่ล่าหาโนเกีย นักศึกษาทั้งชายและหญิงก็ต้องขวนขวายหาหลุยส์วิตตอง ชาแนล ลาคอสต์ ไนกี้ มาใช้ให้ได้ เรียนจบแล้วก็ฝันถึงโรเล็กซ์ และบีเอ็มดับบลิวหรือเบนซ์ ไม่ว่าจะราคาแพงเพียงใด คนไทยก็ไม่กลัวที่จะซื้อ เราซื้อมาเยอะแล้วและยังใฝ่ฝันที่จะซื้อต่อไป เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่คนไทยวันนี้จะยกระดับการช็อปปิ้งถึงขั้นซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลระดับโลก คราวนี้ไม่ได้ซื้อในนามบุคคล แต่ซื้อในนามประเทศทีเดียว
ข่าวการซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลกลายเป็นฟีเวอร์ระดับชาติ ก็เพราะมันตอบสนองความใฝ่ฝันของนักช็อปปิ้งไทยนั่นเอง ยิ่งมีข่าวว่าจะมีการออกสลากเพื่อระดมทุนซื้อหุ้น ก็ยิ่งเป็นกระแสใหญ่ เพราะต้องกับจริตนิสัยอีกอย่างหนึ่งของคนไทยนั่นคือ ชอบการพนันและเสี่ยงโชค
มองในแง่นี้ฟีเวอร์ดังกล่าวจึงเป็นกระจกสะท้อนอิทธิพลของลัทธิบริโภคนิยมในสังคมไทย ลัทธิบริโภคนิยมกำลังทำให้คนไทยกลายเป็นนักช็อปปิ้งกันทั้งประเทศ และย่ามใจถึงขั้นรวมหัวกันซื้อแบรนด์ดังระดับโลกกันแล้ว อย่างไรก็ตามน่าคิดต่อไปว่าการช็อปปิ้งหรือการเสพการบริโภคนั้นตอบสนองอะไรเราหรือ ถึงสามารถฝังรากลึกจนเป็นนิสัยขึ้นมาได้
มองอย่างเผิน ๆ การเสพหรือการบริโภคนั้นก็เพื่อตอบสนองอายตนะทั้งห้า เช่น เสพเพราะอร่อย เย็นสบาย เนียนนุ่ม แต่เมื่อการเสพนั้นให้ความสำคัญกับยี่ห้อของสินค้า มันก็มิได้มีเป้าหมายเพื่อสนองตา หู จมูก ลิ้น และกาย อีกต่อไป หากเพื่อสนองความต้องการของจิตใจ คนนิยมกินแมคโดนัลด์ไม่ใช่เพราะอร่อย แต่เพราะทำให้รู้สึกเป็นคนทันสมัย นิยมใส่ไนกี้ไม่ใช่เพราะนุ่มเท้าและทน แต่เพราะทำให้รู้สึกมั่นใจเหมือนผู้ชนะ อยากเป็นเจ้าของเบนซ์ ไม่ใช่เพราะขับได้เร็วหรือปลอดภัย แต่เพราะทำให้ดูภูมิฐาน มั่นใจที่จะเข้าสังคมกับนักธุรกิจด้วยกัน กล่าวอย่างย่อก็คือ เราเสพยี่ห้อก็เพราะมันไม่เพียงช่วยให้ภาพลักษณ์เราดีเท่านั้น หากยังทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองด้วย ถามนักเรียนและนักศึกษาเวลานี้ว่าอะไรที่จะทำให้เขารู้สึกมั่นใจในตนเอง คำตอบคือสินค้าแบรนด์เนม ตรงกันข้าม หากไม่มีสิ่งนั้น จะขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะฉะนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องหาซื้อมาให้ได้ (สำหรับบางคนนั่นหมายถึงการยอมขายตัว หรือขายยาเสพติด)
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนไทยอยากซื้อสโมสรลิเวอร์พูลก็เพราะความรู้สึกแบบเดียวกัน นั่นคือต้องการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตนเอง ใช่หรือไม่ว่าเราต้องการยี่ห้อลิเวอร์พูลเพื่อจะได้มีสิ่งเชิดหน้าชูตาเรา และเพื่อเราจะยืดอกได้อย่างสง่าผ่าเผยในสังคมโลก ถ้าใช่นั่นก็หมายความว่าลึก ๆ เรารู้สึกด้อย ขาดความมั่นใจในตนเอง ปมอย่างนี้ใช่ไหมที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศขานรับข่าวการซื้อหุ้นลิเวอร์พูล เราปลาบปลื้มยินดีกับข่าวนี้ก็เพราะมันตอบสนองความต้องการส่วนลึกในจิตใจของคนทั้งชาติ เป็นไปได้ว่าหัวหน้ารัฐบาลก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะท่านคร่ำหวอดกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือมานาน จนทราบดีว่าความต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี เป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้คนไทยซื้อและเสพกันมากมาย
เมื่อครั้งที่ไทเกอร์ วูดส์ ได้เป็นแชมป์มือโปรใหม่ ๆ ก็เคยเกิดฟีเวอร์ในหมู่คนไทยคล้าย ๆ กับเวลานี้ คนไทยปลาบปลื้มที่รู้ว่าไทเกอร์วูดส์มีเชื้อไทย มหาวิทยาลัยบางแห่งถึงกับเอาปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ไปมอบให้เขาถึงโรงแรม เราชื่นชมและคลั่งไคล้ไทเกอร์ วูดส์ เพราะคิดว่าเขาจะช่วยเชิดชูเกียรติภูมิคนไทยให้สูงเด่นในสายตาชาวโลกได้ แต่เมื่อเขาไม่มีทีท่าสนใจเมืองไทยและไม่ชูภาพตัวเองว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนไทย คนไทยก็เลิกเห่อเขาไปในที่สุด
การพยายามสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตนเองนั้นเป็นของดี แต่ความความภาคภูมิใจที่แท้จริงไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการซื้อหรือเสพยี่ห้อดัง ลัทธิบริโภคนิยมนั้นพยายามชักชวนให้เราเชื่อว่ามีทางลัดที่จะสร้างคุณค่าให้กับตัวเองได้ นั่นคือการเสพหรือการบริโภค แต่คุณค่าเช่นนั้นไม่จิรัง ความภาคภูมิใจที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฝึกฝนพัฒนาตนและสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลก หากคนไทยต้องการเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมโลก ก็ควรอุตสาหะในการศึกษาและสร้างสิ่งประเสริฐให้แก่โลก ไม่ว่าในทางศิลปะวิทยาการ หรือในทางจิตวิญญาณ หรือมิเช่นนั้นก็พัฒนาฝีมือให้เป็นยอดในโลก ดังที่ภราดร ศรีชาพันธุ์ กำลังเพียรพยายามอยู่
เงิน ๔,๐๐ ล้านบาท ควรนำมาใช้ในการสร้างคนไทยให้มีฉันทะในการผลิต และมีความสามารถในการสร้างสรรค์ทัดเทียมกับชาวโลก ดีกว่าที่จะนำมาส่งเสริมค่านิยมช็อปปิ้งหรือการเสพการบริโภค แม้การสร้างฉันทะและความสามารถดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานาน แต่ก็จะให้ผลดีที่ยั่งยืนและแท้จริง ในทางตรงกันข้าม "ทางลัด" ทั้งหลายมักให้ผลเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ควรเล็งผลเลิศจากการซื้อหุ้นลิเวอร์พูล "ทางลัด" ทั้งหลายที่นำมาเป็นเหตุผลหรือแรงจูงใจในการซื้อหุ้นลิเวอร์พูล เป็นสิ่งที่คนไทยควรจะต้องตั้งคำถามกันให้มาก ๆ และสิ่งหนึ่งที่น่าจะถามไม่แพ้กันก็คือ ถามตัวเองว่าเราอยากเป็นเจ้าของลิเวอร์พูลเพราะเหตุใดแน่..
|