แฉแจกซีดีปลุกขวาจัด
'พระกิตติศักดิ์' กังวล 'บก.สส.' โหมชาตินิยมหวั่นรัฐบาลทำสังคมแตก

          "เครือข่ายศาสนิก ๓ ศาสนา" ประกาศเลิกสังฆกรรม "ศูนย์คุณธรรม" ของ "จำลอง" เผยไม่ต้องการถูกครอบงำ-แทรกแซงหรือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล

          แฉ บก.สส.จัดทำซีดี-ดึงพระขวาจัดปลุกกระแสชาตินิยม เผยอีก ๒ สัปดาห์ได้ข้อสรุปผลสอบ "ตากใบ" ขณะ มท.๑ เพิ่งตาสว่างรับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง

          พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม หนึ่งในสมาชิกของเครือข่ายศาสนิก ๓ ศาสนา กล่าวเมื่อวันที่ ๒๐ พ.ย.ว่า เครือข่ายฯ ขอถอนตัวจากการทำงานในการช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกจากศูนย์คุณธรรมที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธาน เนื่องจากเห็นว่าแนวทางและกิจกรรมของศูนย์คุณธรรมไม่สอดคล้องกับแนวทางของเครือข่ายฯ ที่มุ่งเน้นภาคประชาชนเป็นหลัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับภาครัฐ มุ่งใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก พร้อมทั้งลงไปรับทราบข้อเท็จจริงจากชาวบ้านและนักวิชาการในพื้นที่

          ประธานกลุ่มเสขิยธรรมกล่าวว่า เดิมเครือข่ายฯ ได้ทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้มาตั้งแต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๔ ม.ค. ๔๗ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ สภ.อ.ตากใบขึ้น เครือข่ายฯ ได้ประชุมกันเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือมุสลิมที่ได้รับผลกระทบ โดยจัดการประชุมที่อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา และเมื่อ พล.ต.จำลองทราบข่าว จึงขอเข้าร่วมประชุมด้วย และจากนั้นศูนย์คุณธรรมได้ขอเข้าร่วมทำกิจกรรมโดยลงไปช่วยเยียวยาพี่น้องชาวใต้ด้วยกัน พร้อมทั้งประกอบพิธีกรรมทางด้านศาสนาที่หน้า สภ.อ.ตากใบร่วมกัน

          "หลังจากนั้นศูนย์คุณธรรมและ พล.ต.จำลองได้จัดแถลงข่าว และมีการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณชนที่ผิดไปจากที่ได้ประชุมร่วมกันไว้ โดยได้แสดงท่าทีว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นของศูนย์คุณธรรม และได้ขอให้เพิ่มนักวิชาการจากฝ่ายรัฐบาล ที่ปรึกษาของศูนย์คุณธรรม และให้ตัดสื่อมวลชนไม่ให้ร่วมคณะไปด้วย ทั้งที่เดิมเครือข่ายฯ ต้องการให้ข้อมูลที่ออกไปเปิดกว้าง แต่ศูนย์ฯ แจ้งว่า พล.ต.จำลองอยากให้ทำเป็นการภายใน" ประธานกลุ่มเสขิยธรรมกล่าว

          พระกิตติศักดิ์กล่าวว่า พล.ต.จำลองได้ไปออกโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอแนวทางซึ่งล้วนแต่เป็นไปในแนวทางเดียวกับรัฐบาล ทั้งที่เครือข่ายได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลให้แสดงออกให้ชัดเจนกรณีของตากใบ ให้รัฐบาลถอนทหารออกมาและยกเลิกกฎอัยการศึก และเราคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นจิตวิทยามวลชน เป็นการแก้ไขปัญหาโดยการโฆษณาชวนเชื่อ จึงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหายั่งยืน นอกจากนั้น ในรายการโทรทัศน์พิธีกรได้โทรศัพท์ไปสอบถามพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นพระที่ทำกิจกรรมร่วมกับกองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) มาก่อน ล่าสุดก็ช่วยประชาสัมพันธ์วีซีดีของ บก.สส.เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องชาตินิยม มีเนื้อหาว่าเดิม มาเลเซีย พม่า ลาว เขมรเป็นของไทย แต่ถูกแบ่งแยกออกไป คนไทยควรจะยอมให้เสียแผ่นดินอีกหรือ เพราะเคยถูกแบ่งแยกดินแดนมา ๑๓ ครั้งแล้ว

          "เราไม่ได้รังเกียจศูนย์คุณธรรม เพียงแต่ว่าไม่ต้องการให้การทำงานของเราถูกแทรกแซงหรือถูกครอบงำจากรัฐบาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในศาสนิกทั้งหลาย และอาจเกิดความไขว้เขวของประชาชนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเครือข่ายที่เคยชูเรื่องสันติวิธี ตอนนี้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลไปแล้ว ประเด็นสำคัญคือเราไม่อยากไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกที่ปลุกกระแสชาตินิยม หรือพวกขวาจัด หรือเป็นส่วนในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งตอนนี้มีการปลุกให้แรงขึ้นมาก ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจอย่างยิ่ง" พระกิตติศักดิ์กล่าว

          ด้านนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงการพับนกกระดาษสื่อสันติสุขว่า ถือเป็นรูปแบบหนึ่งสื่อถึงความห่วงใยในความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่มั่นใจว่าวัฒนธรรมของคนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จะยอมรับสัญลักษณ์นี้หรือไม่ และจะแก้ปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจจะคิดในทางการเมืองว่าพับนกแล้วจะแก้ปัญหาความไม่สงบได้

          "เหตุการณ์ในสังคมไทยวันนี้คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ คนไทยแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ส่วนใหญ่พูดถึงแต่เรื่องฆ่ารายวัน แต่ไม่ยอมพูดเรื่องมัสยิดกรือเซะ เหตุการณ์ที่อำเภอตากใบ หรือการอุ้มฆ่าที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชน และน่าห่วงมากในขณะนี้คือคนไทยส่วนใหญ่คิดถึงแต่ชาติโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง เพราะเห็นว่าหากมีการสอบสวนแล้วพบข้อเท็จจริงแล้วอาจทำให้ชาติเกิดความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากทุกเหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในสังคมไทย" นายจรัลกล่าว

          นายอิสมาแอล อาลี ผอ.วิทยาลัยอิสลาม ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หนึ่งในคณะกรรมการอิสระไต่สวนกรณีการสั่งการสลายการชุมนุมที่ อ.ตากใบ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ในขณะนี้ได้ เนื่องจากต้องสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอประธานคณะกรรมการฯ รับทราบอีกครั้ง ส่วนกรณียูเอ็นขอเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยนั้นยังไม่มีการยืนยันชัดเจนเข้ามาแต่อย่างใด เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมการอิสระอย่างแน่นอน

          นายไพศาล พรหมยงค์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบกรณีการสลายการชุมนุมบริเวณ สภ.อ.ตากใบชุดพิเศษที่จัดตั้งโดยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทำงานร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำงานคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในอีก ๒ สัปดาห์ และจะเรียกประชุมคณะกรรมการอิสลามทั้งหมดเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน

          ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์ รมว.กลาโหม ปฏิเสธเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาตรวจสอบการเสียชีวิตที่ อ.ตากใบว่า ตนไม่รู้ว่าคิดกันอย่างไร เพราะไทยเป็นประเทศภาคีสมาชิกของยูเอ็น ดังนั้นเมื่อมีการตั้งข้อสงสัยมากกมายเหตุใดจึงไม่ยอมให้ความร่วมมือเพื่อทำความกระจ่างเสีย ดีกว่าลับๆ ล่อๆ หลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งคิดว่าการที่ รมว.กลาโหมปฏิเสธอาจเพราะยังตั้งหลักไม่ทัน เชื่อว่าต่อไปอาจเปลี่ยนท่าทีได้

          ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.กลาโหมกล่าวอ้างว่าเกรงยูเอ็นอาจเข้ามาตั้งกองกำลังทหารในประเทศไทย นายบัญญัติกล่าวว่า คงไม่ไปไกลขนาดนั้น หากรัฐบาลไม่จริงใจทำความจริงให้ปรากฏ มันอาจลุกลามไปถึงสงครามกลางเมืองได้เหมือนติมอร์ตะวันออก เพราะการทำลับๆ ล่อๆ จะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย รวมทั้งการปฏิเสธอย่างจริงจังจะทำให้ต่างชาติสันนิษฐานว่าไทยได้ทำผิดพลาดในเรื่องนี้จริงๆ จึงไม่ต้องการให้ข้อเท็จจริงถูกเปิดเผย

          เมื่อถามว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ทูลเกล้าฯ ขอรัฐบาลพระราชทานเพื่อแก้ไขปัญหาไฟใต้ นายบัญญัติกล่าวว่า ปัญหานี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้หากได้ฟังความเห็นจากทุกฝ่าย "วันนี้รัฐบาลไม่อยู่ในฐานะที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาโดยไม่ฟังใครได้อีก เมื่อสถาบันประมุขของชาติทรงออกมาเช่นนี้ รัฐบาลน่าจะยึดถือเป็นยุทธศาสตร์ได้อย่างดี อย่าทำให้ชาวบ้านกลัวเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่ากลัวโจร"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน" วันเดียวกันว่า เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ พ.ย.ที่ผ่านมา พี่น้องคนไทยคงได้ฟังพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้ทรงตรัสถึงพระราชกรณียกิจและทุกข์สุขของราษฎรที่พระองค์ได้ทรงทราบด้วยพระองค์เอง ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนต้องภูมิใจที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงรักและห่วงใยพี่น้องคนไทยทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด โดยเฉพาะพี่น้องคนไทยที่อยู่ชายแดนภาคใต้ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะอันตรายก็ทรงเรียกร้องให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน มาช่วยแก้ไขปัญหาและนำความสงบสุขกลับคืนมาให้ได้ ทรงรับสั่งถึงความมุ่งมั่นและความเสียสละของพระองค์เองที่พร้อมจะเสียสละเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย

"วันพุธที่ ๑๗ พศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตรัสกับทหารตำรวจซึ่งไปรับพระราชทานแตะบ่านายพล ก็ทรงห่วงใยพสกนิกรโดยเฉพาะพี่น้อง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดเพราะถือว่าเป็นคนไทยทุกคน" นายกฯ กล่าว และว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนซึ่งคิดการใหญ่และหวังจะแยกดินแดนออกไป โดยปลุกปั่นเด็กๆ ผ่านกรรมวิธีที่ใช้ศาสนาในทางที่ผิด ทำให้เกิดการหลงผิด ซึ่งจริงๆ แล้วศาสนาอิสลามคือศาสนาแห่งสันติ ฉะนั้นวันนี้การหลงผิดต้องยุติได้แล้ว และขอให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันตามที่ทรงมีพระราชเสาวนีย์

          นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาที่ จ.อุบลราชธานี ได้เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมแสดงความสามัคคี ทั้งนี้ ดินแดนของเราจะไม่มีใครแบ่งแยกได้เด็ดขาด ฉะนั้นจึงจะร่วมกันพับนกสันติภาพ ซึ่งเป็นนกกระดาษส่งความปรารถนาดี ความรัก ความห่วงใยเพื่อให้เกิดสันติขึ้นใน ๓ จังหวัดภาคใต้ โดยคนไทยทุกคนจะร่วมกันพับนก และวันที่ ๑ ธ.ค.นี้เจ้าหน้าที่จะไปตระเวนรวบรวมกันส่งไปที่สนามบิน แล้วกองทัพอากาศ กองทัพบก กองทัพเรือ และตำรวจ นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยตามหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยก่อนโปรยจะมีการทำพิธีและ ทอ.จะทำริ้วควันสีธงชาติไทย แดงขาวน้ำเงินเพื่อเป็นสัญลักษณ์ธงไตรรงค์ของเราเหนือ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนปล่อยนกกระดาษที่คนไทย ๖๒ ล้านคนพับขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณว่าเรารักสันติเหมือนที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ ส่วนคนไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษโดยเด็ดขาด

          ด้านนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย กล่าวกรณีนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ระบุว่าคนมุสลิมไทยน้อยใจเพราะถูกมองอย่างแบ่งแยกจากคนไทยทั่วประเทศว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนแล้วว่าเราไม่ต้องการแบ่งแยก และพยายามส่งกำลังใจไปช่วย อย่างไรก็ตาม หวั่นเกรงเช่นกันว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามทำอะไรที่เกินเลย อย่างไรก็ตาม พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะช่วยทำให้ความรุนแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง

          "ปัญหาในพื้นที่มี ๒ ด้าน โดยด้านหนึ่งเกิดจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่บางคนทำไม่ดี ซึ่งเราก็พยายามสอดส่องดูแล และขอร้องทุกฝ่ายให้ช่วยกันดูแล ถ้ามีใครทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้องก็ขอให้บอกจะได้ลดเงื่อนไขฝ่ายเรา ส่วนอีกด้านคือพวกที่ก่อความไม่สงบ หากใครมีข้อมูลก็ขอให้บอกกับทางการ จะได้ไปดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย" รมว.มหาดไทยระบุ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ผบช.ภ.๙ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สืบสกุล มณีนวล สว.สภ.ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส แถลง ณ ห้องประชุมปาหนัน กองบัญชาการตำรวจภูธร อ.เมือง จ.นราธิวาส ถึงการจับกุม ๔ ผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายมะดารีมิง รอกี อายุ ๒๘ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๗๖/๑ ม.๔ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายมูฮำหมัด มะนอ อายุ ๒๗ ปี บ้านเลขที่ ๘๕/๑ ม.๕ ต.โต๊ะเด็ง นายสุไหงมิง ยะยา อายุ ๒๘ ปี บ้านเลขที่ ๑๒๕ ม.๔ ต.โต๊ะเด็ง และนายสักกรี บินเจ๊ะฮะ อายุ ๓๑ ปี บ้านเลขที่ ๙๐ ม.๕ ต.โต๊ะเด็ง พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง ๒ คัน ทะเบียน กวด-๗๐๓ นราธิวาส และทะเบียน กรข-๙๐๔ นราธิวาส พร้อมโทรศัพท์มือถืออีก ๓ เครื่องตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส เลขที่ ๗๑๓/๒๕๔๗ ในข้อหาพยายามฆ่าและมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยร่วมกันนำระเบิดแสวงเครื่องแบบโมบายบอมบ์จำนวน ๒ ลูก ไประเบิดศาลาที่พักริมคลองบ้านอาโอ๊ะ ท่าเรือบูเก๊ะตา ม.๒ ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. เป็นเหตุให้ ตชด.และทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนบาดเจ็บรวม ๗ นาย เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย.ที่ผ่านมา

          พล.ต.ท.วงกตกล่าวว่า ๒ ใน ๔ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพหลังถูกนำตัวไปสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ตามกฎอัยการศึก โดยทั้ง ๔ คนยึดอาชีพขนสินค้าหนีภาษีข้ามแดนในกลุ่มกองทัพมดข้ามชาติ โดยวันเกิดเหตุทั้งหมดแบ่งกันทำงานรับผิดชอบ คือ นายสุไหงมิงเป็นคนดูต้นทาง นายมะดารีมิงเป็นคนกดโทรศัพท์ระเบิด นายมูฮำหมัดกับเพื่อนที่เหลือคอยคุมเชิงดูสถานการณ์ดูแลการปฏิบัติการ หลังเสร็จภารกิจทั้งหมดได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง ๒ คันหลบหนีไปตามถนนสายเลียบคลองสายบ้านฆอเลาะทูวอ อ.แว้ง ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าหนีภาษี ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การซัดทอดถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเป็นนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.นราธิวาส

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลา ๐๑.๐๐ น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.อภิรัฐ สังขาว รอง ผกก.หน.สภ.อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แจ้งว่า แนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้ซุ่มโจมตีทหารชุดลาดตระเวนจาก ม.พัน ร.๒๕๑ บริเวณบ้านสวนยางพารา ม.๑ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังไปสมทบคนร้ายได้ล่าถอยไปในความมืด จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทาตรากงจักรของชุดลาดตระเวนถูกยิงได้รับความเสียหายเป็นรูพรุนกว่า ๑๐ แห่ง

          จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุทหารชุดดังกล่าวจำนวน ๖ นายกำลังลาดตระเวนไปในถนนในหมู่บ้าน เมื่อผ่านสวนยางพาราซึ่งเป็นที่เปลี่ยว คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ทำการซุ่มยิงจนเกิดการปะทะกันประมาณ ๑๐ นาที ก่อนคนร้ายจะหลบหนีไป ต่อมาเวลา ๐๗.๐๐ น. กำลังทหาร ฉก.สันติเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนเอ็ม ๑๖ จำนวนมากในป่าสวนยางข้างทาง จึงได้เข้าตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายพื้นที่มะรือโบ แต่ไม่พบหลักฐานและคนร้าย

          เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองรายงานว่า แนวร่วมขบวนการก่อการร้ายพยายามปล่อยข่าวกับประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าจะมีการก่อการร้ายครั้งใหญ่ภายใต้แผน "แผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง" โดยการดับไฟและระเบิดเขื่อนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ลดความรุนแรงลง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ประมาท เพราะหน่วยข่าวของตำรวจ ทหาร ยังมีรายงานถึงความเคลื่อนไหวของแนวร่วมในพื้นที่ที่ยังคงมีการปลุกระดมและมีการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะรอโอกาสในการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น จึงได้มีการส่งเจ้าหน้าที่การข่าวและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของแนวร่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด...