ผนึกพลัง สาม ศาสนา
ความรุนแรงไม่อาจแก้ปัญหาไฟใต้
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทีมงานไทยเอ็นจีโอ รายงาน
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗
จนถึงวันนี้กรณีตากใบ ยังคงเป็นปริศนา ปัญหาสามชายแดนใต้กระหน่ำซ้ำเติมความรู้สึก จนเป็นความเคียดแค้นชิงชังระหว่างประชาชนกับประชาชน หากการมุ่งผสานระหว่างศาสนา เสวนา ประสานศาสนิก พลิกสถานการณ์ใต้ เสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา เปิดมุมมองปัญหาผ่านความเห็นระหว่าง สมาชิกวุฒิสภาและนักการศาสนาเปิดรากฐานของปัญหา ทางแก้ คือ คนไทยทั้งประเทศต้องร่วมมือหาทางออกร่วมใช้หลักการ ทางศาสนธรรม เข้าแก้ไข
จอน อึ๊งภากรณ์
สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพฯ
ผมคงจะขอพูดรอบเดียว คลุมทั้งการมองสภาพการณ์และการแก้ไขปัญหา สิ่งที่สังคมต้องการรับรู้ คือ ข้อมูลความจริงของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งถูกจับที่ อ.ตากใบ หากสาธารณะชน วันนี้ ยังไม่ได้รับความกระจ่างโดยเฉพาะกรณีการเสียชีวิตของ ๘๕ ผู้ชุมนุมซึ่งจากการลงพื้นที่ของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา แห่งแรก คือ ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี อีกแห่ง คือ ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ข้อมูลแรกที่ได้รับเรา พบว่า มีการมัดมือกลุ่มผู้ชุมนุมไพล่ไว้ข้างหลังและทับกันมาหลายชั้น (๘ ชั้น) บรรทุกรถขนย้ายมายังค่ายทั้งสองแห่ง กระทั่งผู้ชุมนุมเสียชีวิตตามข่าวเพราะขาดอากาศหายใจและการกดทับ อีกทั้งแต่ละคันมีทหารคุมมาหลายคนทั้งที่มีการร้องขอความช่วยเหลือแต่ทหารกลับนิ่งเฉย ซ้ำร้ายยังใช้รองเท้าบู๊ตเหยียบ ใช้ความรุนแรงแก่ผู้ชุมนุมซึ่งเห็นได้จากเนื้อตัวของผู้ที่ถูกจับกุมขณะขนย้าย อย่างมีการเตรียมการล่วงหน้า
ข้อมูลจากชาวบ้านซึ่งไม่ถูกจับ พวกเค้าเล่าว่า เห็นทหารมาจับลากผู้ชุมนุมขึ้นรถไป จนวันนี้ ยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมไม่น้อยไปกว่า ๑๕ ศพ รัฐบาล หน่วยงานราชการ ทหาร และตำรวจ กับการกระทำเช่นนี้กลับไม่ได้สร้างความเป็นมิตรให้แก่ประชาชน ขณะเดียวกัน รถ ซึ่งลำเลียงกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลานานมากกว่าจะเข้ามาถึงค่ายทั้งสองแห่ง คันแรก เข้ามาราวประมาณ ๑๘.๐๐-๑๙.๐๐ น. คันสุดท้ายมาถึงกว่า ๒๔.๐๐ น. ประเด็น คือว่า ระหว่างทางในรถแต่ละคันมีจำนวนบุคคลซึ่งเสียชีวิตไปอีกเท่าไร อันแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของมาตรการการป้องกัน
อีกประเด็น ผู้ชุมนุม ซึ่งถูกจับเป็นบุคคลที่ถูกจับระหว่างทางกลับบ้านเป็นการจับกุมบุคคลอย่างไม่มีการตรวจสอบ คนหนึ่งซึ่งเป็นช่างก่อสร้างที่ อ. ตากใบ เล่าให้ฟังว่าระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อไปถึงด่านกลับถูกตรวจค้นและจับกุมมาพร้อมกับรถไปกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
สังคม ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมองเห็นและร่วมด้วยกันกับรัฐ อันรังแต่จะสร้างให้เกิดความรุนแรง ดังนั้น ความจริง เท่านั้น ถึงจะเป็นสิ่งเยียวยาความรุนแรง สังคม ต้องจับตาเรื่องนี้กันต่อไป วันนี้สังคมไทยกำลัง สับสนและมึนงงด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่รุมเร้า ทั้งการฆ่ารายวัน ทั้งคนทำสามัญธรรมดา พระ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้นำชาวบ้าน หรือชาวมุสลิมเองก็ตาม จนมีการคิด ความเชื่อกันไปว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้ามาชุมนุมที่ อ. ตากใบ คือ บุคคลที่ก่อความไม่สงบรายวันเหล่านั้นเป็นความเข้าใจที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ กลายเป็นว่าสมควรแล้วที่บุคคลเหล่านั้นถูกกระทำเยี่ยงนี้ หรือถูกกระทำน้อยไปด้วยซ้ำ นี่ถือเป็นความน่ากลัวยิ่ง
เรากำลังกลับเข้าสู่บรรยากาศก่อนเกิดเหตุการณ์นองเลือดเดือนตุลา เรากำลังกลับเข้าสู่บรรยากาศของทำลายกันเองกับผู้ใดก็ตามที่พูด คิด แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ ทั้งที่เรามีหลักให้ พูด คิด แสดงความเห็น ได้ตามหลักสิทธิพลเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บาทหลวงชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยค้นคว้าศาสนาและวัฒนธรรม
ผมมีเพื่อนซึ่งเป็นบาทหลวงและซิสเตอร์ทำงานที่ภาคใต้อยู่หลายคน เล่าว่า ภาคใต้ไม่ค่อยสงบ ต่างคนต่างอยู่ มีการลอบวางระเบิดประปราย ระเบิดบ้างไม่ระเบิดบ้าง ผู้คนหวาดระแวง ความร่วมมือระหว่างศาสนาบรรยากาศไม่ดีนัก ส่วนที่ปัตตานี สถานะการณ์ค่อนข้างน่ากลัวมีการขู่ฆ่าและแถลงการณ์ข่มขู่ บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ภาวะความหวาดระแวง ผมถามเพื่อนว่า กลัวหรือเปล่า เพื่อนบอกว่า กลัว แต่กลัวใครไม่รู้ ไม่กล้าพูดกับใครเพราะไม่แน่ใจว่าอยู่ฝ่ายไหน ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันส่อเค้าว่าจะขาดสะบั้นอย่างไม่อาจจะสานต่อ หากสถานะการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ คนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินข่าวเหตุการณ์มักจะรู้สึกในทางที่ไม่ดี ความรู้สึกอย่างนี้น่ากลัวยิ่งนักการสังหารบุคคลไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน หลักศาสนาทุกศาสนา ถือว่าเป็น บาป..บุคคลซึ่งเข้าถึงภาวะอารมณ์เหล่านี้ย่อมไม่กระทำผิด..
วิทยา วิเศษรัตน์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย
ขอสันติสุขจงบังเกิดขึ้นแก่พวกเราทุกคน ผมแปลกใจสังคมแห่งนี้ ทำไม คนซึ่งเข่นฆ่าผู้คนไปหลายร้อยคนจึงลอยนวลอยู่ได้ ปัญหา คือ บุคคลซึ่งถูกจองจำมีความผิดในข้อหาอะไร คนซึ่งถูกจับเป็นคนที่มามุงดูเฉย ๆ ทำไมถูกจับ อีกปัญหา คือ การปราบปราม การนำทหารที่เดินมุ่งหน้าเข้ามาเหมือนจะมาเพื่อเข่นฆ่าไม่ใช่มุ่งเข้ามาเพื่อรักษาการณ์ เมื่อใดก็ตาม ที่ผู้ปกครองระแวงประชาชนย่อมมุ่งทำลายประชาชน กลายเป็นการปลุกระดมให้ประชาชนคลั่งชาติมากกว่ารักชาติ
ถึงวันนี้ ทั่วโลกต่างรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศไทย มีคำกล่าวว่า การแก้ปัญหาต้องแก้ด้วยความจริง หากคุณเริ่มต้นด้วยการโกหก วันต่อ ๆ ไปก็ต้องโกหก การสั่งการคราวนี้เป็นไปไม่ได้ที่นายกจะไม่รู้ ทำไมคนถึงต้องตาย การสลายครั้งนี้ถูกปูดข่าวออกมาว่าจะมีการเผาบ้านเผาเมืองจนคนที่ได้ฟังข่าวแล้วรู้สึกว่า รัฐทำแค่นี้ยังน้อยไป สังคมกำลังสะใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ เรื่องจะยิ่งบานปลาย การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องที่ถูก เราคงไม่โทษทหารตัวเล็ก ๆ เพราะอคติถูกสร้างขึ้น การแตกต่างระหว่างเชื้อชาติต้องแก้ปัญหากันด้วยความเป็นจริง
สมัยฟาโรห์ครองอียิปต์ ความหลงทะนงในอำนาจทำให้เกิดความแตกแยก กดขี่คนบางกลุ่ม สังหารผู้ชาย ปล่อยชีวิตผู้หญิง วันนี้ เรามีผู้ปกครองที่เป็นเสมือนฟาโรห์ ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะสัญญาณ อันตราย ยิ่งรัฐบาลกำลังสร้างภาพให้บานปลายใหญ่โต ยิ่งนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะของสงครามใหญ่ ภายใต้ความหวั่นระแวงซึ่งกันและกัน ความจริง คือ ความจริง แม้ว่ามันจะขมขื่นเพียงใด
พระกิตติ ศักดิ์ กิตฺติโสภโณ ประธานกลลุ่มเสขิยธรรม
สิ่งที่จะพูดเป็นทัศนะที่มองจากภายนอก เพราะเมื่อมองจากมุมของคนภายนอกเข้าไป ทำไมไม่มีข้อมูลของคนในพื้นที่ออกมาเลย ไม่มีคำพูดจากญาติของผู้สูญหาย แล้วมันทำให้ความจริงบางอย่างขาดหายไป การโทรลงไปในพื้นที่มีใครกี่คนที่ได้สัมผัสโดยตรงจากพื้นที่บ้าง ซึ่งขัดจากหลักของพุทธศาสนาที่ระบุว่า เราจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่หลากหลายเพื่อทำการวิเคราะห์ สืบสาวราวเรื่องอย่างลึกซึ้ง แต่ปรากฏว่า ตัวความจริง ที่สมบูรณ์ไม่เกิดขึ้น รัฐบาลกำลังนำพาสังคมเข้าสู่กับดักแห่งความรุนแรง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังทำให้เกิดการแบ่งแยกขึ้นในใจคน กลายเป็นชนกลุ่มน้อยกลายเป็นผู้อาศัยประเทศนี้ ยิ่งความจริงบางอย่างถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ยิ่งพาสังคมเข้าสู่ภาวะของความขัดแย้งจนเรื่องราวบานปลาย ความจริง ยิ่งไม่ปรากฏยิ่งทำให้เราเกิดความหวั่นระแวง รัฐบาลนอกเหนือจากการปกปิดความจริงแล้ว ยังละเลยการสร้างความสมาฉันท์
นายกท่านบอกว่าทำไมนักสิทธิมนุษยชนโวยวายเพื่อผู้อื่นทำไมไม่ออกมาเรียกร้องให้แก่ผู้บริสุทธิ์ อยากถามว่า ใคร คือ ผู้บริสุทธิ์ คนซึ่งชุมนุมกันที่หน้าอำเภอตากใบวันนั้นไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์หรือ นายกรัฐมนตรีตัดสินใครใครได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมหรืออย่างไร
ท่านอาจจะมีอำนาจสูงสุดในการบริหารแต่ท่านใช้อำนาจอะไรตัดสิน นี่เป็นสิ่งสำคัญ..
|