กระดานข่าวเสขิยธรรม เสขิยธรรม : : skyd.org

 ช่วยเหลือช่วยเหลือ   ค้นหาค้นหา   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก   กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   สมัครสมาชิก(Register)สมัครสมาชิก(Register)
 ข้อมูลส่วนตัว(Profile)ข้อมูลส่วนตัว(Profile)   เข้าสู่ระบบเพื่อเช็คข้อความส่วนตัวเข้าสู่ระบบเพื่อเช็คข้อความส่วนตัว   เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)

คุยกับ อังคาร กัลยาณพงศ์

 
สร้างหัวข้อใหม่   ตอบ    กระดานข่าวเสขิยธรรม -> กระแสโลก
อ่านหัวข้อก่อนหน้า :: อ่านหัวข้อถัดไป  
ผู้ตั้ง ข้อความ
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: Tue Jun 29, 2004 12:13    เรื่อง: คุยกับ อังคาร กัลยาณพงศ์ ตอบโดยอ้างข้อความ

/* คุยกับ อังคาร กัลยาณพงศ์ */

โลกนี้มิอยู่ด้วย มณี เดียวนา
ทรายและสิ่งอื่นมี ส่วนสร้าง
ปวงธาตุ ต่ำกลางดี ดุลภาพ
ภาคจักรพาลมิร้าง เพราะน้ำแรงไหน

ภพนี้มิใช่หล้า หงส์ทอง เดียวเลย
กาก็เจ้าของครอง ชีพด้วย
เมาสมมุติ จองหอง หินชาติ
น้ำมิตรแล้งโลกม้วย หมดสิ้นสุขศานต์

อังคาร กัลยาณพงศ์
กวีซีไรต์

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเมือง

คนไทยถ้าไม่ซื้อไม่ขาย ก็จะเห็นว่าเป็นของไม่มีราคา อากาศที่หายใจก็
เหมือนกัน ที่ญี่ปุ่นนี่ส่วนใหญ่จะอากาศดี แต่ที่บ้านเรา ไม่ใช่ว่าผมจะทับถมบ้าน
เมืองตัวเอง แต่เราไม่เห็นความสำคัญของอากาศเลย ผมเองรู้สึกมาเกือบค่อนอายุ
ผมแล้วว่า อากาศเป็นของที่สำคัญมาก ญี่ปุ่นเขาลงทุนสูงในการขจัดมลพิษ เพราะ
เขาเห็นว่าอากาศคือชีวิตของมนุษย์ เดินไปที่ไหนแม้แต่ในเมือง เช่น โตเกียวก็มี
อากาศดี

นอกจากเรื่องอากาศแล้ว เรื่องสื่อบ้านเรา รายการทีวี สำราก ยิ่งพูดหยาบคาย
ยิ่งด่ายิ่งดี ต่อไปทีวีที่จะส่งขายเมืองไทย ต้องทำหน้าจอเป็นรูปกระโถน ให้ดาราสำ
รากใส่ คนพูดหยาบคาย แล้วนึกว่าเป็นการพูดหยาบที่มี Feelings มันไม่เข้า
Feelings ทางศิลปเลย เด็กไทยส่วนใหญ่ก็เป็นเบื้อ ไม่มีพิพิธภัณฑ์ ไม่ว่าจะทาง
ธรรมชาติ หรือ วิทยาศาสตร์ ทำให้เด็กต้องเฝ้าทีวี ทีวีก็คือตัวความคิดกระป๋อง
ความคิดสำเร็จรูป เด็กก็ถูกทำลายความช่างคิดเสียหมด องค์ประธานของมนุษย์นี่
ก็คือ ความคิด ช่างคิดจึงเกิดสติปัญญาเฉียบแหลม สมองไม่ได้ Exercise
สมองก็เป็นอัมพฤกษ์ สื่อมวลชนถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ได้ทำลายความช่างคิด ความ
เป็นคนลงหมด ญี่ปุ่นเค้าค่อนข้างเป็นคนช่างคิด จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็คิดไว้หมด
เป็นมนุษย์ที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

คนญี่ปุ่นเป็นคนละเอียดประณีต ส่วนประกอบเล็ก ๆ เช่น ตะปูก็จะมีน๊อต
ตะปูครอบ งามอย่างเรียบง่าย ลึกซึ้ง เหมือนเรามองดูเส้นขอบฟ้าทะเล เป็นเส้นเรียบ
แต่ไม่รู้ว่าทะเลใต้เส้นนั้นลึกเท่าไร ที่ปราสาท NIJOJO ก็มีรูปเขียนจิตรกรรม ยิ่ง
ทำได้งดงาม แต่ยอมละลดความที่จะมีชีวิตเต็มที่ในงานจิตรกรรมลง เป็นงานตก
แต่งประกอบสถาปัตยกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นความวิจิตร และมีวินัยอย่างเยี่ยม งาน
ศิลปไทย เราวิญญาณไปทางอ่อนหวาน นิ่มนวล แต่ของญี่ปุ่นหรือจีนจะสง่า เข้ม
แข็งจีนเขาบรรพบุรุษเก่าแก่ ทางญี่ปุ่น เรามองเห็นความช่างคิด รู้จักรักธรรมชาติ
ไทยเรากำลังน้อย ฐานขนาดเล็ก แต่มีความวิจิตร งานของบรรพบุรุษเราก็แสดง
ความมีระเบียบ มี Spirit อย่างสวยงาม เช่น พระพุทธชินราชมีความงามนิ่งสงบ
คนไทยได้ให้ของวิเศษแก่โลก แต่คนไทยเองมองไม่เห็น ปัจจุบันเราไม่ให้สร้างขึ้น
ใหม่และก็ทำลายของเก่าด้วย

ถ้าเราไม่รู้เรื่องตัวเราเองดี จะเป็นประวัติศาสตร์ก็ดี ปรัชญาก็ดี เราก็หมด
โอกาสที่จะต่อความเจริญ ต่อกระแสศิลปวัฒนธรรมได้ ถ้าเราขาดการเล่าเรียน จะ
คิดแต่เพียงเรื่องเงิน ผมว่าสิ้นหวัง เหมือนปลูกต้นสน เอากิ่งมาปักลงไม่มีทางจะขึ้น
ได้ เพราะไม่มีรากแก้วรากฝอย ฉะนั้น วัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งน่ากลัวเหมือนกัน ถ้าทุก
คนไม่รู้สึกถึงวัฒนธรรมนั้นเอง เหมือนน้ำในทะเลนี่ น้ำไม่มีสมอง ไม่มีความคิด แต่
เมื่อถูกกระแสลม เขาสามารถเป็นคลื่นได้ คลื่นทุกตัว ตื่นตัวกันหมด ซัดสาดเป็น
ฟองอันสวยงาม จนมีคนเอามาลอกเป็นงานศิลปะ แต่คนนี่ ถ้าไม่ตื่นเอาเสียเลย ไม่
เคลื่อนไหวเลย เพราะสืบต่อจากบรรพบุรุษไม่ได้ คิดแต่จะขโมยเอาเพชรพลอยของ
เขา ผมว่าน่าอดสู ปกติผมมีอาชีพเป็นจิตรกร ผมอาจจะเปลี่ยนอาชีพก็ได้ ไปทำปี
ปขาย คนไทยไปที่ไหนก็ซื้อ ปี๊ปผมไปคลุมหัว

การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม

ผมว่าการอนุรักษ์บ้านเราดัดจริต ทำงานเพื่อให้เจ้านายเห็นว่างานเสร็จแล้ว
รื้อของเก่าไปทิ้งแล้วทำของใหม่ขึ้นมา เหมือนเราเอากระดูกของปู่ย่าตายายไปทิ้งแล้ว
เอาพลาสติก มาหล่อทำใหม่หมดทุกอย่าง Spirit ชีวิตหมดความเป็นคน ผักชี
โรยหน้า ที่โรยหน้าหมี่กรอบยังดีเสียกว่า น่าจะเชิญพวกแม่ครัวโรยผักชีมาสอนพวก
อนุรักษ์บ้านเรา เพราะเขาโรยผักชียังพอมีรสมีชาดบ้าง การอนุรักษ์ของเมืองไทยคือ
การทำลาย Spirit ที่ญี่ปุ่น เช่นการประยุกต์หมู่บ้าน Dutch (Huis Ten
Boch) มาใช้ในแง่เศรษฐกิจ ผมเห็นว่าเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว ดีกว่าที่เราจะไปลอก
Disneyland ซึ่งตัวเราลดศักดิ์ศรีเสียบุคคลิกภาพของความคิดริเริ่มหมด แต่ที่หมู่
บ้าน Dutch นี่ เขาทำประวัติศาสตร์ให้หายใจได้ ให้ประวัติศาสตร์มีชีพจร ฟื้น
ชีวิต แทนที่จะเป็นประวัติศาสตร์ตาย หมู่บ้าน Dutch ที่ อยุธยาของเราตายไร้ชีวิต
แม้แต่ที่ Dutch อุตส่าห์ทำป้ายมาไว้ ก็เอาปืนไปยิงเสีย

สังคม

สังคมไทยเหมือนคนเป็นมะเร็ง มีการเติบโตทุกทิศทุกทางแต่ไม่มีจุดหมาย
สังคมเรามันต้องตื่นตัวขึ้น ยังดีสำหรับบางคนที่สนใจพุทธศาสนา สามารถเอามา
ประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีศาสนา ไม่รู้แม้แต่กระพี้ของศาสนา
ไม่ว่าจะเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือเรื่องการลักขโมยที่น่าอดสู ทุกคนสละ
ชาติเพื่อชีพ สังคมสับสน และไม่รู้ถึงความรู้สึกหวงแหนในของสาธารณะ ทำลาย
แม่น้ำ ทำลายเทือกเขา ขุดแร่มาใช้ ให้สัมปทานโดยไม่พิจารณา เช่น เขางู เป็น
สถานที่ที่พุทธศาสนาเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก หรือเช่น ถ้าครั้งพระเจ้า
อโศกที่ส่งสมณฑูตมา ในถ้ำปั้นรูป Relief มากมายหลายปางของพระพุทธเจ้า ก็
ถูกระเบิดเอาหินไปขายหมด เป็นสิ่งที่อัปยศของชาติเลยที่คนระดับปกครองไม่รู้คุณ
ค่าสมบัติของบรรพบุรุษเลย ศิลปวัฒนธรรม รู้แต่เพียงฉาบฉวย ทำงานโบราณคดี
ประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นพยานหลักฐานของสังคม

สังคมมนุษย์นี่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งช่วยเหลือได้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้วิเศษ
ยังขนสรรพสัตว์ไปจากสังสารวัฏไม่หมด ไอ้เราเหมือนคนเล็ก ๆ เอาบ่าของเราไปรับ
กระแสลูกคลื่นในมหาสมุทรหมด เพราะกระแสความเป็นไปของมนุษย์มันมาไม่ขาด
สาย เราเพียงแต่ต้องรู้เท่าทัน แต่เราจะต้องปลุกมโนคติ ปลูกความคิด Spirit
ของคนทั้งหมดให้ตื่นขึ้นมาต่อสู้ในสิ่งที่ผิด สิ่งที่คิดไม่ถูกต้อง ขอให้ทุกคนคิดให้ถูก
เสียก่อน ให้วางความคิดไว้ในที่ที่ถูกต้อง ญี่ปุ่นเขาให้คุณค่าทางสติปัญญา ความคิด
เป็นอันดับหนึ่ง เราคนไทยที่ไม่ให้คุณค่าทางความคิดเลย เหยียบย่ำเหมือนอากาศ
ที่หายใจ


คนญี่ปุ่น

เรื่องคนญี่ปุ่นนี่ ผมไม่ค่อยอยากพูดนัก ผมมองเฉพาะในแง่ศิลปเป็นหลัก
เหมือนหน้าปัดนาฬิกา เรามาไม่กี่วินาที เราจะไปรู้จักชั่วโมง หรือทั่วหน้าปัทม์ได้
อย่างไร แต่ว่าถ้าพูดกันตรง ๆ เท่าที่ผมเคยพบคนญี่ปุ่นเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่
๒ เป็นคนไม่มีน้ำใจ ออกจะอำมหิตด้วย ถ้าญี่ปุ่นร่วมมือพัฒนาเอเซียแล้วคืน
เอกราชให้คนเอเซีย คนเอเซียซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรู้บุญคุณคน จะรู้สึกสำนึกบุญคุณ
แต่ถ้าญี่ปุ่นยึดได้ทั้งเอเซีย แต่กลับกระทำอย่างพวกฝรั่งเคยทำ คือสูบเลือดคนเอเซีย
ทั้งหมด เอาธงไปปักที่ไหนก็คือเอาเปรียบ เอาแร่เอาธาตุเขามา เพราะฉะนั้นความ
สำนึกของคนเอเซียที่จะนึกจะรักญี่ปุ่นเมื่อคราวสงครามโลกนั้นไม่มี ถ้าจะพูดอย่าง
ตรงไปตรงมาแล้ว ญี่ปุ่นได้เอาเปรียบคนเอเซียทั้งหมด เป็นคนที่ขาดน้ำใจ ญี่ปุ่นมี
ตัวของตัวเองดีจริง ญี่ปุ่นเฉียบแหลม ล้ำลึกดีจริง แต่ความเฉียบแหลมล้ำเลิศนั้น
เพื่อตัวญี่ปุ่นเองเท่านั้น ไม่ได้มีความอบอุ่นเพื่อเพื่อนมนุษย์ หรือขยายขึ้นไปเพื่อ
มนุษยชาติทั้งหมดเลย ซึ่งคนไทยเราก็ไม่มีความคิดเลย ใครจะทำอะไรก็ได้ เป็น
ปลาที่โลภเบ็ด เอาเบ็ดลงไปทั้งพวงก็กินหมดทั้งพวง ญี่ปุ่นถ้าไม่เลิกนิสัยเหมือน
ครั้งสงครามโลกก็อาจจะไม่มีเพื่อนในเอเซียก็ได้

แต่ถึงแม้เค้าจะคิดเช่นนี้ แต่ผมก็ชอบใจนิสัยบางอย่างของเค้านะ เช่น ไม่รัง
แกสัตว์ ไปที่บึงมีนกเป็ดน้ำอาศัยอยู่สวยงาม ผิดกับคนไทย ไปไหนก็ถือแต่หนังสติ
กยิงสัตว์ ยิงสัตว์ที่มีประโยชน์ ข้อนี้พูดตรง ๆ ที่นี่นกจะร้องเพลงก็ร้องได้เต็มที่ กวาง
ก็อยู่ได้อย่างมีความสุข ถ้าที่เมืองไทย กวางก็คงกลายเป็นสเต็ก สตู ดีไม่ดี คนไทย
เห็นกวางก็เอาน้ำจิ้มไปราดกินเสียทีนั่นเลย ไอ้ความเมตตานี่หายไปเลย อันนี้เองที่
ผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีศาสนา ญี่ปุ่นเขาจะถือเงินถือทองอย่างไรก็แล้วแต่
เขาไม่รังแกสัตว์ มีส่วนดีอยู่มากที่เดียว

เมืองเราเป็นเมืองเกษตรกรรม ญี่ปุ่นเขาเป็นประเทศอุตสาหกรรม เราก็มีจุด
เด่นของเรา เขาก็มีจุดเด่นของเขา ต่างต้องพึ่งพิง ถ้อยทีถ้อยอาศัย

--------------------------------------------------------------------------


ขึ้นไปข้างบน
เรียงลำดับข้อความตอบจากก่อนหน้า:   
สร้างหัวข้อใหม่   ตอบ    กระดานข่าวเสขิยธรรม -> กระแสโลก ปรับเวลา GMT - 5 ชั่วโมง
หน้า 1 จาก 1

 
ไปที่:  
คุณสามารถสร้างหัวข้อใหม่ได้
คุณสามารถพิมพ์ตอบได้
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์หรือภาพประกอบในกระดานนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์จากกระดานนี้



เสขิยธรรม

Powered by phpBB 2.0.10 © 2001, 2002 phpBB Group