เอ็นจีโอ-นักวิชาการหวั่นนโยบายเปิดอบายมุข

[O]

เอ็นจีโอ-นักวิชาการหวั่นนโยบายเปิดอบายมุข

อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ฯ 2 มิ.ย.- เสวนา “วิสัยทัศน์ผู้นำสังคมไทยกับปัญหาอบายมุขของชาติ” นักวิชาการ และเอ็นจีโอ แสดงความเป็นห่วง ผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์ด้านนโยบายปัญหาอบายมุข และมีวิธีคิดมองปัญหาแบบแยกส่วน เน้นพัฒนาเศรษฐกิจจนลืมผลกระทบต่อปัญหาสังคม ไม่สามารถช่วยพัฒนาสังคมและแก้ปัญหาความยากจนได้ ติงรัฐบาลกำลังเปิดอบายมุขเข้าประเทศ

ในการเสวนา “วิสัยทัศน์ผู้นำสังคมไทยกับปัญหาอบายมุขของชาติ” นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานกรรมการมูลนิธิกองทุนไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาความยากจน จะต้องมีคุณธรรมจริยธรรม จึงจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งต้องเป็นฐานรากที่ปลอดอบายมุข การนำอบายมุขเข้ามาช่วยพัฒนาและแก้ปัญหาสังคม เป็นสิ่งไม่บริสุทธิ์และไม่น่าภาคภูมิใจ อบายมุขกับความชอบธรรม ยุติธรรม เมตตากรุณา ไปด้วยกันไม่ได้ ความเป็นผู้นำหากมีความฟองฟู่ในความโลภ อยากได้ เน้นบริโภคและวัตถุ จะไม่เห็นคุณค่าหรือมีจิตสำนึกที่เป็นแกนหลักพัฒนาปฎิรูปสังคมได้

นายไพบูลย์ กล่าวยอมรับถึงความสามารถในการจัดการให้ได้ผลสำเร็จของผู้นำรัฐบาลว่าดี แต่ยังย่อหย่อนด้านเสรีภาพ ความชอบธรรม ยุติธรรม ความเมตตากรุณา ซึ่งวิสัยทัศน์ของผู้นำรัฐบาลควรจะมีครบทุกด้าน สังคมจึงจะเข้มแข็ง หากผู้นำรัฐบาลขยายความสามารถในการจัดการที่ดีเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้สังคมเกิดขึ้นยั่งยืนเต็มแผ่นดิน อบายมุขจะลดลงไปเอง

ด้านนายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ผู้นำของไทยไม่มีวิสัยทัศน์ด้านนโยบายปัญหาอบายมุข และมีวิธีคิดมองปัญหาแบบแยกส่วน มองเพียงการซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลเพื่อให้สินค้าไทยได้แบรนด์ของโลก เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่มองผลกระทบทางสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจของชาติจะต้องมองในมิติทางสังคมและวัฒนธรรมด้วย เรามองแต่ประโยชน์ที่ได้ ต้องดูด้วยว่าคุ้มหรือไม่หรือมีทางเลือกอื่นหรือไม่ ปัญหาอบายมุขเกิดจากนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทุกด้าน เพราะหลายอย่างเกิดจากการพัฒนาจนกลายเป็นทุนนิยมผูกขาด ยิ่งพัฒนาความแตกต่างการบริโภคมากขึ้น สอนให้คนชอบเสี่ยงมากขึ้น แล้วบอกว่าถ้าซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล ก็จะปราบพนันบอลให้มากขึ้น ชี้ให้เห็นว่าเป็นการมองแยกส่วน ไม่สามารถลดปัญหาอบายมุขได้

“ บ้าเศรษฐกิจ บ้าธุรกิจมาก ก็ทำให้เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากขึ้น ภายใต้นโยบายแบบนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาคนจนได้ และคนจนยิ่งมากขึ้น การพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ไม่ใช่ไปดูแต่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่หลอกกันมานาน เป็นความคิดที่เพ้อผัน ยังเป็นนิยายที่ใช้หลอกกันมาได้เรื่อย การแก้ความยากจนต้องศึกษาวิเคราะห์ปัญหาให้ถูกต้อง”นายวิทยากร กล่าว

นางทิชา ณ นคร ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้หญิงกับรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเติบโตจากภาคธุรกิจมาตลอดชีวิต ดังนั้นความคิดจึงเป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งกลายเป็นการซ้ำเติมสภาพสังคมไทยที่มีปัญหารุนแรงอยู่แล้วให้เพิ่มขึ้น

นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทำลายวิถีชีวิตผู้คน กำลังเปิดอบายมุขเข้าประเทศ ทั้งที่ควรทำตัวเป็นผู้ปิดอบายมุข.-314


วันที่ : 2004-06-02 เวลา 18:08:39