เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบก็เกิดกำลังใจขึ้นอย่างมาก เพราะมีหลายเรื่องที่ตรงกับตัวเอง หรือใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เคยเผชิญมา รวมทั้งมีแง่คิดในการใช้ชีวิต การมองโลก การจัดการกับความรู้สึกที่ไม่ดี เป็นต้น อย่างแง่คิดที่ได้จากธรรมชาติป่าเขานำมาผสานกับการใช้ชีวิต แม้ว่าโลกจะพัฒนาไปก้าวไกล แต่มุมหนึ่งของจิตใจมนุษย์ ก็ยังโหยหาธรรมชาติอยู่ พลังธรรมชาติสามารถแปรเปลี่ยนจิตใจมนุษย์ที่รุ่มร้อน หมดหวัง ท้อแท้ ให้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างมหัศจรรย์ ยิ่งถ้าเปิดใจน้อมรับธรรมชาติภายนอก มาผสานกับธรรมชาติภายในใจเรา จนประจักษ์ชัด และเห็นสัจธรรมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสักแต่ว่าธาตุมาประชุมกันชั่วขณะ เมื่อถึงเวลาก็แตกสลายไป ทำให้หมดความติดยึด ไม่มุ่งหวังไขว่คว้าทุกสิ่งมาไว้เป็นของตัว เว้นจังหวะชีวิตให้มีเวลาใคร่ครวญกับตนเอง มองเห็นอารมณ์ที่มากระทบตามเป็นจริง พยายามพัฒนาสติให้มีความกล้าแข็ง แม้บางครั้งเราจะเผลอไผลกับสิ่งยั่วยวนรอบข้างก็ตาม หากทำบ่อยครั้งจนเป็นจริตนิสัยที่เคยชิน เราจะรู้เท่าทันอารมณ์ที่กระทบจิตใจเราได้อย่างทันท่วงที จนไปพ้นการปฏิบัติธรรมที่ติดกับรูปแบบ เพราะธรรมะอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในวัดเท่านั้น
นอกจากการเสนอแง่คิดสำหรับการจัดสรรชีวิตให้ลงตัวแล้ว พระไพศาลยังโยงหลักธรรมเข้ากับสังคมร่วมสมัยได้อย่างลงตัว จนไม่ค่อยรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เหมือนกับหนังสือธรรมะทั่วไป ที่มีแต่ศัพท์แสงเทคนิคในพระไตรปิฎกมากมาย จนคนอ่านจบแล้วยังไม่เข้าใจต้องกลับไปเปิดพจนานุกรมดูอีกรอบ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บรรยายไม่ได้แสดงไว้โดยตรงถ้าหากวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นแง่มุมที่เป็นจิตวิทยาอยู่ แต่เป็นจิตวิทยาแบบพุทธมิใช่จิตวิทยาแบบตะวันตก นั่นคือท่านได้เสนอวิธีจัดการกับจิตไร้สำนึกหรือความรู้สึกเก็บกด ยกตัวอย่างเรื่องที่ผู้บรรยายกล่าวถึง ชายคนหนึ่งเมื่อวัยเด็กมักจะถูกพ่อตีเป็นประจำจนเกิดความรู้สึกเก็บกดและเกลียดพ่ออย่างฝังใจ จนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้หันมาสนใจสมาธิภาวนา ยามที่จิตเขาสงบเป็นสมาธิจะมีภาพของเด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้มากมาย เป็นอยู่บ่อยครั้ง จนเมื่อเขาได้รับคำแนะนำว่าเวลามีเด็กคนนี้โผล่ขึ้นมาในสมาธิให้นึกต่อไปว่า เขาได้โอบกอดเด็กน้อยคนนั้นให้คลายเศร้าโศก และที่แท้เด็กน้อยคนนั้นคือความทรงจำของเขาในวัยเด็กที่ถูกพ่อตี จากนั้นมาเขาก็รู้สึกดีขึ้นกับพ่อนั่นคือเขาได้ให้อภัยพ่อแล้ว ที่ให้อภัยเพราะเขาได้เยียวยาอดีตอันเจ็บปวด
นี่คือการจัดการกับความรู้สึกนึกคิดที่ฝังแน่นจนบางทีเจ้าตัวอาจจะลืมไปด้วยซ้ำ ต่อเมื่อถูกสะกิดหรือมีเรื่องมากระทบ ความรู้สึกนั้นจึงกลับมาเป็นแผลในใจ แต่ถ้าเรามีความเข้าใจความจริงเบื้องหลังแล้วพยายามหาทางแปรเปลี่ยนให้มันได้สัมผัสความรัก ความเมตตา หรือได้สัมผัสกับสติ ยอมรับมันตามเป็นจริง ผสานชีวิตด้านนอกกับชีวิตด้านใน จิตใจเราจะสามารถพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถจัดการกับอารมณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแยบคาย
เมื่อเราได้ฝึกฝนพัฒนาจิตใจให้มองในหลายแง่มุม ไม่ติดยึดหลักการใดหลักการหนึ่งจิตเราจะเป็นอิสระปราศจากเมฆหมอกที่มาบดบังให้จิตขุ่นมัว หรือนอกจากเรื่องที่กล่าวมานี้แล้วเรื่องสันโดษท่านก็ได้ยกตัวอย่างได้อย่างน่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ยามที่ชีวิตท้อแท้ หมดหวัง หากมีหนังสือดี ๆ หรือคำแนะนำที่มีประโยชน์สามารถนำมาปฏิบัติได้ไม่สูงส่งจนสุดเอื้อม เราย่อมเห็นว่าชีวิตนี้ยังไม่สิ้นหวัง ยังต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ถึงจุดหมาย ชีวิตที่ใฝ่หาคงเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มนั้นแหละ ที่จะให้คำตอบแก่บางส่วนเสี้ยวชีวิต.